วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
คำให้การพ.ต.ท.ชุมพล ที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยเซ็นทรัล
เกริ่น
บทความนี้ผมขอยกคำให้การของพยานสำคัญคือ พ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร เกี่ยวกับกรณีเผาห้างเซ็นทรับเวิร์ล ที่เสื้อแดงพยายามนำมาบิดเบือนซะเกินจริงว่า ทหารเผาห้างเพื่อใส่ร้ายเสื้อแดง ทั้ง ๆ ที่เมื่อเราได้อ่านคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ดี ๆ จะเห็นว่า จะมีต่อว่าทหารนิดหน่อยตรง ไม่ช่วยเคลียร์เส้นทางให้ทีมดับเพลิงของพ.ต.ท.ชุมพล กลับไปเข้าไปทำงานเมื่อห้างเซ็นทรัลเวิร์ลโดนเผาแล้ว
ซึ่งอาจเป็นเพราะด่านทหารที่ พ.ต.ท.อ้าง ตรงด่านถนนเพลินจิตนั้น อาจยังไม่ได้รับการประสานงานคำสั่งในการอำนวยความสะดวกให้มากกว่า หรืออาจเพราะกำลังรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิงของราชการมาจัดการอยู่ก็ได้ ซึ่งสถานการณ์ตอนนั้นกำลังเกิดความสับสน จึงย่อมเกิดความบกพร่องได้
ต้องไม่ลืมว่า ทหารชั้นผู้น้อยมีหน้าที่สกัดไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่อันตราย หากปล่อยเข้าไป แล้วโดนยิงจากกองกำลังติดอาวูธ ทหารชั้นผู้น้อยก็ซวยสิครับ
เมื่อห้างไฟไหม้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้คือ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิงเข้าไปดับเท่านั้น ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่เอกชนของห้างเข้าไปทำงาน ที่มีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย
ต่อไปนี้คือคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ที่เล่าว่า โดนกองกำลังแต่งชุดคล้ายทหาร ที่ปาระเบิดใส่ตำรวจไล่ทีมงานของเขาออกจากห้าง และรปภ.ห้างก็กลัวความไม่ปลอดภัยจึงทยอยออกจากห้างกัน
ซึ่งพวกเสื้อแดงกลับบิดเบือนว่า ทหารไล่รปภ. ออกจากห้าง
------------------------
ที่ปรึกษาอัคคีภัยเครือเซ็นทรัล เบิกความโยง “ชายชุดคล้ายทหาร”
พ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร เลขาธิการสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทยและที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาเบิกความว่า ช่วง 2เดือนที่มีการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ของ นปช. นั้นได้วางแผนป้องกันความปลอดภัยและอัคคีภัยให้กับห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยในเซ็นทรัลเวิลด์มีทีมดับเพลิงมืออาชีพที่เป็นพนักงานประจำอยู่ถึง 25 คน ดังนั้นจากประสบการณ์แล้วเห็นว่าห้างนี้มีระบบรองรับทุกอย่าง หากเกิดไฟไหม้เล็กๆ พนักงานหรือแม่บ้านก็สามารถดับได้ แต่หากเป็นเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ก็จะมีพนักงานดับเพลิงมืออาชีพคอยป้องกันอยู่ ถือได้ว่ามีระบบการป้องกันอัคคีภัยเป็นหนึ่งในเอเชียก็ว่าได้ และได้มาตรฐานระดับสากล
ทนายจำเลยที่ 1 ได้ยกข้อความของพ.ต.ท.ชุมพล ที่เคยให้สัมภาษณ์ในหนังสือ “ความลับหลังฉาก เผาเซ็นทรัลเวิลด์” ที่จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์โลกวันนี้ หน้า 11 อ่านให้พ.ต.ท.ชุมพล ฟังเนื้อหาระบุว่า
"ตลอดเวลา2เดือนเต็มๆเราได้ประสานไมตรีกับผู้ชุมนุมมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพวกการ์ดแทบจะรู้จักกันทุกคน แต่ในวันเกิดเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ขอบอกว่าไม่เห็นหน้าคนเหล่านั้นเลย มีแต่พวกที่เรียกตัวเองว่ากองกำลังไม่ทราบฝ่าย กลุ่มนี้แหละที่เขาบอกว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นผู้ก่อการร้ายที่แม้แต่ตำรวจและทหารก็ไม่กล้าแตะ ถ้าแตะมันก็ต้องมีศพกันบ้างหละ แต่นี่ไม่ คนกลุ่มนี้เข้าออกในที่เกิดเหตุโดยไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเขา เจ้าหน้าที่มีข้อมูลทุกอย่างแต่ทำไมถึงจับคนร้ายไม่ได้"
หลังจากนั้น พ.ต.ท.ชุมพล ได้ยืนยันต่อศาลว่าตนเองเป็นผู้พูดเช่นนั้น โดยหลังการสลายการชุมนุมได้มีคนมาสัมภาษณ์และนำไปลงในหนังสือ “คนช่วยคน” ของสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย ที่ตนเองเป็นเลขาธิการอยู่ และคาดว่าหนังสือความลับหลังฉากฯ ได้นำไปเผยแพร่ต่อ
ที่ปรึกษาอัคคีภัยเครือเซ็นทรัลเบิกความต่อด้วยว่า ในห้างมีสปริงเกอร์ทุกๆ 3 เมตร แต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.53 นั้นอยู่นอกเหนือจากความสามารถของพนักงานดับเพลิง เพราะไม่สามารถดับเพลิงได้ พนักงานดับเพลิงปฏิบัติหน้าที่ได้เฉพาะในตอนต้นที่มีคนกลุ่มแรกเข้ามา รปภ. ที่มีกว่า180 คนก็สามารถผลักดันออกไปได้
แต่เมื่อมีคนกลุ่มที่ 2 เข้ามาอีก รปภ. ได้แจ้งว่ามีการปาระเบิดเข้าใส่พนักงานจนทำให้มีคนบาดเจ็บ จึงได้มีการร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา เมื่อตำรวจเข้ามาในห้างประมาณ 25 คน ได้มีการจับกุมคนที่เข้ามาหลบซ่อนตัวในห้าง ก่อนที่จะถอนกำลังออกไปเมื่อพบผู้บุกรุกชุดที่สองซึ่งมีอาวุธอยู่ด้านหน้าของห้าง
เขาขยายความต่อว่า ชุดแรกที่เข้ามานั้นมีประมาณ 14 คน เข้ามาจาก2 ด้านคือด้านถนนพระราม 1 และถนนราชดำริ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าเซน (ZEN) ในเวลาประมาณเกือบ 14.00 น. โดยทุบกระจกเข้ามาในห้าง แต่ รปภ. ที่มีจำนวนถึง 180 คนก็ได้ไล่คนเหล่านั้นออกไป
ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. จากการตรวจสอบกล้อง CCTV เห็นว่ามีกลุ่มคนชุดที่สอง ประมาณ 7-8 คน แต่งกายคล้ายทหารและมีอาวุธด้วยเข้ามาทางด้านห้างเซ็นทรัลเวิลด์ รปภ. พยายามต้านทานไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้ามาแต่กลับถูกปาระเบิดใส่ ตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาช่วยก็ยังต้องถอนกำลังออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายได้นำภาพผู้ถูกจับกุม 9 คนซึ่งถูกตำรวจจับกุมตัวในห้างฯ โดยนำมาจากหนังสือ “ความลับหลังฉาก เผาเซ็นทรัลเวิลด์” หน้า 27 ซึ่ง 1 ในนั้นมีจำเลยที่ 2 (พินิจ) รวมอยู่ด้วยให้ พ.ต.ท.ชุมพล จากนั้น พ.ต.ท.ชุมพล ได้ยืนยันต่อศาลว่า 9 คนนี้เป็นพวกที่หลบอยู่ในห้างไม่มีอาวุธและไม่ใช่กลุ่มคนที่มีอาวุธดังกล่าว โดยเขาได้รับการยืนยันจากหัวหน้า รปภ.ที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
ภาพ 9 คนที่ถูกตำรวจจับกุมตัวในห้างฯจากหนังสือ “ความลับหลังฉาก เผาเซ็นทรัลเวิลด์” หน้า 27
พ.ต.ท.ชุมพล เบิกความต่อว่า หลังจากที่ตำรวจทั้ง 25 คน ถอนกำลังออกจากห้างไปทำให้ รปภ.และพนักงานดับเพลิงเสียขวัญกำลังใจ จึงได้ไปรวมตัวที่จุดรวมพลตรงลานจอดรถใกล้โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เพื่อให้ฝ่ายบริหารห้างตัดสินใจ เนื่องจากพนักงานเหล่านั้นไม่มีหลักประกันความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจออกจากห้างทั้งหมดในเวลาประมาณ 16.40 น.
เขากล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. เศษ ทางสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทยได้รับการขอร้องจากเซ็นทรัลเวิลด์อีกให้เข้าไปช่วยดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ทหาร กว่าจะได้เข้าไปถึงพื้นที่ได้ก็เวลาประมาณ 22.00 น.
และจากการตรวจสอบ CCTV จากห้างเกษรพลาซ่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้นพบว่าเวลาประมาณ 21.00 น. กว่าๆ ตึกก็ได้ถล่มลงมาแล้ว และพื้นที่รอบๆ นั้นถูกควบคุมโดยกองกำลังของทหารทั้งหมด แม้กระทั่งตอนออกจากห้างในช่วงเย็นทางด้านหลังห้างพารากอนก็มีทหารควบคุมพื้นที่อยู่ รถพยาบาลหรือ รปภ. วิ่งออกมาจากพื้นที่ก็ยังต้องผ่านด่านทหาร
ทนายได้ถามด้วยว่าหลังสลายการชุมนุมของ นปช. บริเวณห้างและรอบๆ นั้น จากที่พยานได้รับรายงานและประสานงานนั้นเป็นหน่วยไหนที่ควบคุมพื้นที่ พ.ต.ท.ชุมพล เบิกความว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารของ ศอฉ.
“ทีมงานเราอยู่ภายในถ้าไม่ไล่เราออกไป มันเรื่องเล็กสำหรับไฟขนาดนั้น ในอาคารมีอุปกรณ์พร้อม น้ำในห้างก็มีจำนวนมหาศาลทั้ง 3 อาคารเชื่อมต่อกัน ระบบแรงดันน้ำภายในห้างก็ใช้ได้ ถ้าไม่ไล่เราออกไม่มีทางจะไหม้ ส่วนคนที่ไล่เราออกไปนั้นคือกลุ่มคนที่มีอาวุธ มีการโยนระเบิด ขนาดตำรวจยังต้องหนี” ที่ปรึกษาฯ กล่าว
เขาเบิกความต่อว่า เมื่อออกไปแล้วก็กลับเข้ามายากมากเพราะต้องติดด่านที่ทหารตั้งอยู่ ตั้งแต่ด่านตรงเพชรบุรี สะพานหัวช้าง และถนนพระราม 1 ก็ไม่ให้เข้า เลยต้องขอเข้าด้านหลังแทน
พ.ต.ท.ชุมพล เบิกความย้ำด้วยว่า “ไม่มีที่ไหนในโลกหรอกที่เขาไม่เคลียร์พื้นที่ให้กับทีมดับเพลิง ตั้งแต่เย็นไม่มีใครเคลียร์พื้นที่ให้ ปล่อยให้มันไหม้ได้อย่างนั้น”
ที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยเครือเซ็นทรัล เบิกความภายหลังทนายได้นำภาพถ่ายที่ถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับนายสายชล ซึ่งเป็นรูปชายชุดำกำลังถือถังสีเขียวว่า ภาพดังกล่าวถ่ายในบริเวณห้าง ส่วนถังสีเขียวในรูปเป็นถังดับเพลิง ซึ่งในตัวห้างก็มีถังในลักษณะนี้อยู่ ยืนยันว่าไม่ใช่ถังแก๊ส และเครื่องดับเพลิงไม่สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการวางเพลิงได้
ภาพชายกำลังถือถังสีเขียวที่ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับนายสายชล
อัยการได้ซักค้านพยานด้วยว่ากลุ่มคนกลุ่มที่สองซึ่งติดอาวุธ 7-8 คนที่เข้ามาในห้างที่พยานระบุว่ามีการแต่งกายคล้ายทหารนั้นมีลักษณะอย่างไร
พ.ต.ท.ชุมพล ตอบว่าดูจากกล้อง CCTV ประกอบกับที่ได้รับการยืนยันจากหัวหน้า รปภ. แล้วคาดว่าเป็นชุดปฏิบัติการรบในลักษณะปฏิบัติการพิเศษแน่นอน เครื่องแต่งกายมีหมวกเหล็ก ท็อปบู๊ต ชุดพรางและมีฮู้ดปิดหน้า
พ.ต.ท.ชุมพลเบิกความยืนยันตอนท้ายด้วยว่าเมื่อพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งระบบการป้องกันอัคคีภัยและรายงานจากทีมดับเพลิงในที่เกิดเหตุเห็นว่า ผู้ถูกจับกุมทั้ง 9 คนที่ถูกจับในห้างนั้นไม่มีความสามารถในการวางเพลิงได้
ที่มา http://prachatai.com/journal/2013/01/45013
------------------
ใหม่เมืองเอก ขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงตรงที่ ว่า ทหารคุมพื้นที่โดยรอบ นั้นหมายถึงการเข้าคุมพื้นที่เวทีชุมนุมราชประสงค์ และตั้งด่านตามเส้นทางเข้าราชประสงค์ ไม่ได้คุมรอบห้างพับพันคนตามที่เสื้อแดงบิดเบือนแต่อย่างใดครับ เป็นการคุมสถานการณ์แบบหลวม ๆ เพราะตอนแรกนั้น ฝ่ายทหารไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดการเผาห้างเกิดขึ้นตามมาในช่วงเย็น ทหารจึงได้ถอนกำลังออกไปก่อนตามคำสั่ง ศอฉ. แล้วทหารได้กลับมาพื้นที่ห้างอีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์ไฟไหม้ได้เกิดขึันไปแล้ว
คลิกอ่าน จับโกหกโอ๊ค พานทองแท้ กรณีใครเผาเซ็นทรัลเวิร์ล
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อ่านยังไงเนื้อความก็กล่าวว่าทหารไม่ให้วามร่วมมือในการเข้าไป ดเบไฟค
ตอบลบคุณครับ ทหารตั้งด่าน ถ้าไม่มีคำสั่งจาก ศอฉ. เขาให้ใครเข้าไปไม่ได้หรอกครับ คิดเยอะ ๆ หน่อยนะ สถานการณ์ตอนนั้น มันวุ่นวายมาก กาตรวจเช็คก็ยังยาก ทหารชั้นผู้น้อย ต้องทำตามคำสั่งครับ คิดเยอะ ๆ ครับ
ลบหากคนทีอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กลับเป็นคนที่ปลอมแปลงมาหลอก ทหารก็ซวยสิครับ คิดเยอะ ๆ นะครับ
และถ้าปล่อยให้เข้าไป เกิดโดนยิงตาย ทหารก็ต้องซวย เพราะไม่เคร่งครัด ในการห้ามประชาชนเข้าพื้นที่