วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ปฏิบัติธรรมที่แท้จริง คืออะไร







เพราะยุคนี้มันยุคโซเชียล ซึ่งช่วยส่งเสริมอวดอัตตาของตนเองได้ง่าย

จึงมีผู้คนจำนวนมากในยุคนี้ที่ชอบอวดว่า ไปปฎิบัติธรรมที่นั่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ และก็มีบางรายสาหัสถึงขนาด อวดบรรลุธรรม ไปก็มี

แต่ความจริง ปฏิบัติธรรม น่ะ ใคร ๆ ก็สร้างภาพได้ แต่ ปฎิบัติตัว ปฏิบัติใจ นี่แหละของแท้กว่าว่า จิตของตนนั้นได้พัฒนาขึ้นรึยัง

ปฏิบัติใจ คือ เมื่อมีกิเลสมายั่วยวน มีสุขทางโลกมายั่วเย้า มีทุกข์มากระทบใจให้มัวหมอง เรารับมือกับมันอย่างไร ใช้ธรรมะรับมือตามที่พระพุทธเจ้าสอนได้หรือไม่ นั่นแหละคือบทพิสูจน์ใจเรามีธรรมะแค่ไหนต่างหากครับ

ปฎิบัติธรรมที่แท้จริง ก็คือ ปฏิบัติใจให้มีธรรม

ผู้มีใจธรรมะ จึงไม่ได้วัดกันที่ไปปฏิบัติธรรมที่นั่นที่โน่นที่นี่ บ่อยแค่ไหน แต่ให้ดูที่ใจตนเองว่า รับมือกับกิเลสที่มากระทบกายใจได้ดีแค่ไหนต่างหาก




------------------

ทำไมคนที่ไปปฏิบัติธรรมบ่อย ๆ แต่ยังนิสัยไม่ค่อยดี ?

มีผู้หญิงคนนึงได้ถามคุณเอ็ดดี้ เจ้าของเพจธนาคารความสุข ว่า

เธอเห็นเพื่อนร่วมงานหลายคน ชอบไปปฏิบัติธรรมที่วัด แล้วชอบมาเล่าให้ฟังในที่ทำงาน ซึ่งเธอก็ยินดีด้วย เพราะเธอยังไม่เคยไปปฏิบัติธรรมอะไรแบบนี้มาก่อน

แต่พอผ่านไปได้สักระยะ เธอกลับพบว่า หลายคนที่ชอบไปปฏิบัติธรรมที่วัด หรือชอบเดินทางไปทำบุญที่วัดต่าง ๆ เหล่านี้ กลับมีนิสัยเห็นแก่ตัว ไม่ค่อยชอบช่วยเหลืองานส่วนรวม บางคนก็ชอบนินทาลับหลังคนอื่น บางคนก็ชอบพูดจาลามกตลอด และยังมีนิสัยไม่ดีอื่น ๆ

เธอจึงสงสัยว่า คนพวกนี้เขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดกันแบบไหนเหรอ แล้วที่วัดเขาสอนยังไง ทำไมคนที่ปฏิบัติธรรมที่วัดบ่อย ๆ กลับยังมีนิสัยไม่ดีมากมาย ทำให้เธอชักกลัวการไปปฏิบัติธรรมที่วัดว่า มันทำไมเป็นแบบนี้ ไม่ได้ดีอย่างที่เธอเคยคิดไว้

สำหรับผม ก็ได้ไปแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามรูปครับ



--------------------

ปฏิบัติธรรม ต้องเริ่มต้นที่ไม่สร้างทุกข์แก่ผู้อื่น
โดย ดังตฤณ

คนคิดปฏิบัติธรรม มักคุยกันว่า ปฏิบัติแบบไหนถูก ปฏิบัติแบบไหนผิด แต่ไม่ค่อยเน้นคิดสำรวจว่า ปฏิบัติตัวแบบไหนผิด ปฏิบัติตัวแบบไหนถูก

ถ้ายังปฏิบัติตัวผิด ไม่มีทางปฏิบัติธรรมถูก เพราะที่แท้ยังปฏิบัติ ‘อธรรม’ อยู่ต่างหาก

ถ้ายังจงใจให้ร้าย ทำลายใคร หรือให้ทุกข์แก่ท่าน นึกว่าทุกข์นั้นไม่มีวันถึงตัว

นั่นแหละ! เครื่องชี้ว่ายังปฏิบัติตัวผิด โอกาสปฏิบัติธรรมถูกจึงเป็นศูนย์

จงใจสร้างความทุกข์ให้คนอื่น ไม่มีทางหยุดวงจรทุกข์ให้ตนเอง

ถ้าคิดจะเจริญสติจริง จึงต้องถือศีลให้ได้สติ เพื่อรู้ความจริงข้อนี้ให้ได้ก่อน

ศีลที่แท้ คือจิตที่ผ่องแผ้ว ไม่เอาทุกข์หยาบ ๆ คือจิตที่ไม่อยากหาเรื่องร้อน ๆ ใส่ตัว คือจิตที่ไม่อยากโยนเรื่องร้อน ๆ ใส่ใคร

เมื่อรักษาศีลได้ ย่อมอยู่เย็น มีสติรู้ว่า ไม่ให้โทษแก่เขา เราเองก็ไม่ต้องรับโทษไปด้วย ไม่ต้องพลุ่งพล่านอลหม่าน ไม่มีเมฆหมอกบดบังทัศนวิสัยทางจิต คิดอะไรได้ตรง เห็นอะไรได้ตรง รู้เข้ามาในกายใจได้กระจ่างไม่ติดขัด

ศีลที่แท้เป็นฐานให้ใจเย็น เมื่อดูลมหายใจ ก็เห็นได้นานพอ จนรู้ชัดว่าลมหายใจไม่เที่ยง มีเข้ามีออก มียาวมีสั้น

เมื่อดูสุขดูทุกข์ ก็เห็นได้ชัดเจน ทุกข์อยู่กี่ลมหายใจก็รู้ ไม่ใช่ทุกข์แล้วมัวแต่อยากแก้แค้น สุขอยู่กี่ลมหายใจก็รู้ ไม่ใช่สุขแล้วมัวแต่หวงแหนไว้

ศีลที่แท้ชวนเราสำรวจใจเรื่อย ๆ ว่า
ยังให้ทุกข์กับใครอยู่หรือเปล่า ?
พัวพันกับภัยเวรอยู่หรือเปล่า ?
กำลังปฏิบัติตัวถูกอยู่หรือเปล่า?

จนยิ่งวันยิ่งทราบชัดแก่ใจว่า เมื่อปฏิบัติตัวถูกอยู่ ธรรมก็ปรากฏชัด ให้ปฏิบัติต่อตรงนั้นแล้ว!



------

สรุปท้ายบทความ

หากปฏิบัติธรรมแต่เปลือก แต่ตัวเองยังทำร้ายผู้อื่น ด้วยกายก็ดี ทำร้ายผู้อื่นด้วยวาจาก็ดี ต่อให้ปฏิบัติธรรมทั้งชาติ ก็ไม่มีทางสำเร็จมรรคผลได้เลย (โสดาบัน)

การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง คือ ฝึกลดละกิเลสในใจลง ซึ่งทำได้ทุกที่และตลอดเวลา

คลิกอ่าน ตถตา เพราะโลกนี้ไม่มีความบังเอิญ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก