วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คลิป พลเอกประยุทธแถลงการณ์คืนความสุขให้คนไทย






ผมเพิ่งจะได้ฟังแถลงการณ์ของพลเอกประยุทธ เมื่อเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม ตอนแปดโมงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรีรีนเทปอีกรอบ

ผมฟังจนจบ ยอมรับว่า นี่เป็นคำแถลงการณ์ที่ฟังชัดเจนเข้าใจง่าย ครอบคลุมทุกประเด็นอย่างดี ทำให้เชื่อมั่นในความจริงใจในการแก้ปัญหาชาติของพลเอกประยุทธ มากขึ้น

ผมจึงอยากสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีควบอีกตำแหน่งนึงครับ



เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อ่านคำแถลงชี้แจงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงเหตุผลการเข้าควบคุมอำนาจ และอธิบายหลักการบริหารประเทศ 3 ระยะ ในรายการ”คืนความสุขให้คนไทย” ดังนี้

สวัสดีครับ ในนามของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอขอบคุณ ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ คสช. เป็นอย่างดี ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าสถานการณ์โดยรวม มีความเรียบร้อย เหตุผลที่ คสช. เข้ามาบริหารราชการในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากความแยกแยกทางความคิดทางการเมืองของประชาชนที่หยั่งรากลึก ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งผิด ทั้งถูก การชุมนุมประท้วงที่ยาวนาน ตลอดจนเหตุการณ์ความรุนแรง การใช้อาวุธสงคราม รวมทั้งมีการทุจริต ทำผิดกฎหมาย เป็นผลให้ประชาชนไม่มีความสุข และไม่ปลอดภัย รัฐบาลรักษาการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายปกติได้ ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยอำนาจที่มีอยู่อย่างเพียงพอ การใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2557 ติดขัด ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยข้อกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบคำสั่งต่างๆ ที่มีอยู่ การจัดทำงบประมาณปี 2558 มีความล่าช้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนาน จะส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจของคนไทยโดยรวม และประเทศไทย ตลอดจนผลประโยชน์ของมิตรประเทศที่มีในประเทศไทย รวมทั้ง พันธสัญญาต่างๆ ที่ไทยได้ทำไว้กับมิตรประเทศต่างๆ มาอย่างยาวนาน

การเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของ คสช. เป็นการเข้ามายุติความรุนแรง ปลดล็อกข้อจำกัดเล็กน้อยต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ในกระบวนการรออนุมัติจากรัฐบาลที่ผ่านมาอีกมากมาย และเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยทั้งชาติ รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้าเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ชาวต่างชาติมีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน ทุกประเทศโดยรวม และที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวงตลอดมาได้รับการปกป้องจากคนไทยทุกคน


สำหรับงานของ คสช. มีขอบเขตที่สำคัญอยู่ 2 ประการหลักๆ คือ

งานส่วนที่ 1 งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร การประกาศใช้กฎอัยการศึก เป็นความจำเป็น ซึ่งเป็นกฎหมายความมั่นคงสูงสุดที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถหยุดความรุนแรงได้ทันที โดยที่ผ่านมากฎหมายปกติปัจจุบันไม่สามารถยุติความขัดแย้ง ความรุนแรงได้เลย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ให้ประชาชนได้มีโอกาสเรียนรู้และเคารพกฎหมาย ลดความขัดแย้ง โดยยึดหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้อำนาจเท่าที่มีอยู่ ที่จำเป็น ไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ระมัดระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชน หากเมื่อสถานการณ์กลับไปสู่ภาวะปกติ จะได้กลับไปใช้กฎหมายปกติให้เร็วที่สุด


ในส่วนของการประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิวนั้น มีความมุ่งหมายเพื่อให้ คสช. สามารถจัดระเบียบและดูแลความสงบเรียบร้อย ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว อาจมีผลกระทบต่อเสรีภาพในการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนอยู่บ้าง

ในระยะแรกอาจต้องเข้มงวด เพื่อแยกแยะผู้ก่อเหตุรุนแรงกับประชาชนโดยทั่วไป สกัดกั้นการขนย้ายอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม การลักลอบขนส่งผิดกฎหมาย รวมทั้งการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่ได้ก่อเหตุความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องในห้วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นต่อไป ตามที่มีผลการจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและอาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย และความผิดอื่นๆ โดยการปฏิบัติงานร่วมของเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจทหารได้อีกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 22 พ.ค. เป็นต้นมา

เราตระหนักถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนจากการเคอร์ฟิวเช่นกัน จึงได้มีการประกาศลดระดับการเคอร์ฟิวลงตามสถานการณ์ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา คสช. ได้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวไปแล้วระดับหนึ่ง โดยมีการการปรับลดเวลาจากเดิน 22.00 - 05.00 น. ปัจจุบันเป็น เที่ยงคืน - 04.00 น. ทั้งนี้หากเหตุการณ์เป็นปกติมากยิ่งขึ้น พื้นที่ใดที่ไม่มีสถานการณ์ หรือมีความเสี่ยง หรือพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวจะได้พิจารณาปรับลดมาตรการลง เพื่อให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และจะนำไปสู่การยกเลิกได้ในไม่ช้า หรือโดยเร็วที่สุด


อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาระหว่างมีการประกาศห้าม ได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบโดยการยกเว้นให้แก่ประชาชน หน่วยงานที่มีความจำเป็น เช่น แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล การส่งผู้ป่วยเจ็บ การขนส่งเชื้อเพลิง การเดินทางไปต่างประเทศ การเดินทางของพนักงานที่ทำงานเป็นผลัดในห้วงเวลากลางคืน ฯลฯ โดยการขออนุญาตกับด่านตรวจ ทหารตำรวจในเส้นทางที่สัญจร ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนทุกครอบครัวมีความสุข มีความปลอดภัย ทุกคนได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังจากที่ประสบกับสถานการณ์เสี่ยงภัยอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรง และการชุมนุมที่ยาวนาน กว้างขวางที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา และดำรงชีวิตท่ามกลางความขัดแย้งมาเกือบ 9 ปีเต็ม

สำหรับการเชิญบุคคลมรายงานตัว มีความจำเป็นโดยการเชิญผู้ที่อยู่ในความขัดแย้ง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น แกนนำ ผู้สนับสนุน นักวิชาการและอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง หรือโดยอ้อมที่เกิดขึ้นได้ รวมทั้งบุคคลบางคนที่อาจมีอิทธิพลในเชิงสัญลักษณ์ ในการระดมมวลชนสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก จากการแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามหากการแสดงออกดังกล่าว มีผลกระทบต่อความสงบสุขโดยรวมก็จะถูกเชิญตัวมาชี้แจง คัดแยก ไปดูแลเพื่อสงบสติอารมณ์ และคิดทบทวนว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งอาจจะมีผิดบ้าง ถูกบ้าง ตามความเชื่อถือ หรือเหตุเหตุผลส่วนตน เพื่อให้ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และคิดได้ว่าเราจะมีส่วนช่วยและร่วมมือกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพื่อนำพาประเทศชาติไปข้างหน้าได้อย่างไร ซึ่งตามปกติแล้ว พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีอำนาจควบคุมตัวได้ 7 วัน หากมีความผิดก็จะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป เช่น ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งฟ้องศาล


บุคคลที่ถูกเชิญตัวมา บางคนอาจถูกควบคุมตัวแล้วแต่กรณี เช่น 1-2 วัน, 3-4 วัน, 5-6 วัน อย่างไรก็ตามหากมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางใช้ความรุนแรง จะถูกควบคุมนานกว่าคนอื่น แต่ไม่เกิน 7 วัน โดยจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของความเป็นอยู่หลับนอน และอาหารการกิน โดยที่ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ ซ้อมทรมาน พันธนาการ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด


สำหรับผู้ที่ไม่มารายงานตัวนั้น ต้องถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง และยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เอาชนะ ฝ่าฝืน กฎอัยการศึก โดยไม่เคารพกติกา กฎหมายความมั่นคงสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลบางกลุ่ม บางฝ่ายที่ยังคงต่อสู้ด้วยความรุนแรง โดยใช้อาวุธสงคราม หรือวัตถุระเบิด ก็จะต้องถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาดเช่นกัน


เราจะต่อสู้กันด้วยการยึดเพียงแนวความคิดของตน หรือการตีความกฎหมายเพื่อเข้าข้างแต่ละฝ่ายไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีแต่จะก่อให้เกิดความแยกแยกไม่มีที่สิ้นสุด คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่มีความสุข ประเทศขาดเสถียรภาพ และความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศเสื่อมถอยไป ดังนั้น ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกัน เสริมสร้างความรักความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน สิ่งใดที่จะเป็นข้อขัดแย้งหรือเห็นต่าง ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ก่อน และให้นำมาหารือเพื่อหาทางออกให้เป็นที่ยอมรับของทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ และคืนความสงบสุขให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า


การประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองหรือต่อต้าน คสช. เกิน 5 คนนั้น มีความจำเป็น เนื่องจากช่วงนี้เป็นระยะเริ่มแรกของการปฏิบัติงาน คสช. ต้องการให้เกิดความสงบสุขและความปลอดภัยอย่างแท้จริงโดยทันที คสช. ไม่สามารถให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มาแสดงความขัดแย้ง ต่อต้านได้ เพราะจะเป็นเหตุให้ฝ่ายอื่นๆ ออกมาต่อสู้กันอีก จนทำให้เหตุการณ์บานปลาย ขยายตัว ดังนั้น จึงอยากจะขอร้องให้ประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายอย่าได้ออกมาชุมนุมในห้วงนี้ เพื่อจะได้ไม่เกิดการปะทะกัน หรือเกิดเป็นปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม คสช. มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต่อผู้ที่มาชุมนุมทุกพวกทุกฝ่าย ที่ละเมิดการประกาศห้ามดังกล่าว ด้วยมาตรการที่เหมาะสมในการปฏิบัติของแต่ละกลุ่มต่อไป


การระงับ ควบคุมสื่อต่างๆ บางสื่อ หรือบางสถานี หรือบางรายการนั้น ในระยะนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการชุมนุมประท้วงล่าสุด 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการใช้สื่อทุกประเภทรวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มาบิดเบือน ปลุกระดม ปลุกปั่น ต่อสู้ และสร้างความเกลียดชังต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีมีทั้งถูก และผิด มีเจตนาดีต่อบ้านเมืองก็มี ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาตามลำดับ มีการข่มขู่ใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม และมีการสร้างความเข้าใจผิดต่อผู้ที่เห็นต่าง หรือประชาชนที่อยู่ตรงกลาง จนทำให้เกิดความสับสนต่อความเข้าใจของประชาชนอยู่ตลอดเวลา โดยฝ่ายหนึ่งมองเห็นความไม่ชอบธรรมซึ่งมีหลายเรื่องที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว หรือกำลังดำเนินการอยู่ ในขณะที่อีกฝ่ายโต้แย้งด้วยข้อกฎหมาย อำนาจรัฐ และด้วยความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ไม่สามารถยุติปัญหาลงได้ด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย


นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ความคิดเห็นของนักวิชาการและผู้ที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดความสับสนในสังคม ทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากขึ้นไปอีก จึงจำเป็นต้องมีการระงับสื่อดังกล่าว เป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ดี คสช. ไม่มีนโยบายปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด


สำหรับการปรับย้ายข้าราชการของทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นเรื่องภายในของทุกหน่วยงาน โดยมีเหตุผลและความจำเป็นในการดำเนินการ เพื่อลดความขัดแย้งที่มีมาแต่เดิม ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าเป็นการโยกย้ายอีกฝ่าย หรือเป็นการรังแกข้าราชการนั้นหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้ในข้อเท็จจริงสืบเนื่องจากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาในอดีตกับกระบวนการใช้อำนาจรัฐในทุกพื้นที่ หรือมีอำนาจในการบริหารองค์กร รวมทั้งเป็นข้าราชการที่สามารถทำหน้าที่ให้กับรัฐ แต่ก็ไม่สามารถทำให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา หรือลดความขัดแย้งภายในองค์กร หรือระหว่างส่วนราชการกับประชาชนในพื้นที่ได้ จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพื่อความเหมาะสม โดยเป็นนโยบายของคสช.ให้ส่วนราชการโดยปลัดกระทรวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ ในกรอบอำนาจของตนเอง สำหรับในส่วนที่มีการปรับย้ายข้ามกระทรวงหรือสังกัดหน่วยงานอื่นที่อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี/คณะรัฐมนตรี ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ในการอนุมัติและลงนาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจ กับประชาชนและสังคมให้เกิดการยอมรับ มิได้ถือเป็นความผิดส่วนบุคคลแต่ประการใด ยังเคารพเกียรติยศของความเป็นข้าราชการในทุกองค์กรอยู่เสมอ

งานส่วนที่ 2 การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้ได้โดยเร็วที่สุด


หลังจากที่การบริหารราชการแผ่นดิน สะดุดหยุดอยู่กับที่มาหลายเดือน จนงบประมาณปี 2557 ต้องหยุดชะงักบางรายการ ไม่สามารถเบิกจ่าย หรือดำเนินการได้ ประชาชน ส่วนราชการ เดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องปลดล็อก หาทางออกด้วยรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม จากนั้นจะต้องดำเนินการในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2558 ให้ได้ทันกำหนดเวลา ซึ่งวาระการจัดทำงบประมาณใกล้จะสิ้นสุด ทั้งนี้เพื่อประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ในปีงบประมาณ 2558 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้ทันต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปีหน้านี้


หลักการสำคัญของ คสช. ในการบริหารราชการในสถานการณ์ไม่ปกติในปัจจุบัน คือ การใช้ระเบียบบริหารงานปกติของทุกส่วนราชการให้มากที่สุด เว้นในเรื่องที่เป็นปัญหาติดค้าง หรือปัญหาเร่งด่วน ทั้งนี้ คสช. มิได้ไปสั่งการส่วนราชการให้ปฏิบัติ หรือไม่ต้องปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบ เพื่อผลประโยชน์ใครแต่ประการใด หรือ คสช. ตกลงใจเองโดยพลการ เพียงแต่จัดคณะทำงานประสานงาน หรือฝ่ายต่างๆ ร่วมกับข้าราชการประจำ จากแต่ละกระทรวง ไปร่วมกันขับเคลื่อนงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส ได้รับความพึงพอใจและไว้วางใจจากประชาชน

การใช้จ่ายงบประมาณที่เกรงว่า คสช. จะมาใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่จำกัดนั้น ขอเรียนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบวินัย การเงิน การคลัง ของทุกกระทรวง ทบวง กรม รวมทั้งมีการหารือ สอบถามกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความรอบคอบก่อนการดำเนินการ


การใช้จ่ายงบประมาณ จะไม่ใช้จ่ายจนเกินกำลัง จนเสียวินัยการเงินการคลังของประเทศ และไม่เกินยอดหนี้สาธารณะ ซึ่งกำลังตรวจสอบตัวเลขที่แท้จริงในปัจจุบัน ในยอดงบประมาณที่ใช้ไปแล้วและยังไม่ได้ใช้ ซึ่งจะมีผลผูกพันต่างๆ อีกมากมาย เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในด้านการเงินการคลังของประเทศในสายตาของต่างประเทศและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างประเทศที่จับตามองสถานะเศรษฐกิจ การเงิน ขีดความสามารถของประเทศไทยอยู่อยู่ในขณะนี้ ว่าจะมาร่วมลงทุนอีกหรือไม่ ทั้งนี้โชคดีที่ไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว หากมีการขับเคลื่อนที่ดีต่อไปน่าจะไม่น้อยหน้าใครในภูมิภาคอาเซียน และของโลกในอนาคต


การใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 จะเริ่มจาก

แผนงาน โครงการที่ค้างคาอย่างเร่งเร่งด่วนซึ่งมีผลต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะความต้องการพื้นฐานของประชาชน เงินทุนหมุนเวียน หรือเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการจากการจ่ายเงินจำนำข้าวที่ติดค้างอยู่ประมาณ 92,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มทยอยจ่ายไปแล้วเป็นบางส่วน


แผนงาน โครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดปัญหากฎหมายในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยจะเร่งตรวจสอบ จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะงบประมาณที่จะทำให้เกิดผลต่อเงินหมุนเวียนในระบบ งบบรรเทาภัยพิบัติ การซ่อมแซมสาธารณูปโภค ปัญหาความเดือดร้อน ความเร่งด่วนเฉพาะหน้า เป็นต้น โดยมิได้เป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากในโครงการขนาดใหญ่แต่อย่างใด


สำหรับโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการมูลค่า 2 ล้านล้าน, 3.5 แสนล้าน จะนำมาพิจารณาดูอย่างรอบคอบว่าโครงการใดที่เป็นประโยชน์ ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติเฉพาะเรื่อง แยกพิจารณา แยกดำเนินการใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เริ่มต้นได้อย่างโปร่งใส เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่จำเป็นต้องดำเนินการก่อน โดยจะหาวิธีการเริ่มต้นโดยใช้งบประมาณประจำปี หรือใช้การลงทุนโดยภาคเอกชน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระการใช้จ่ายจากการกู้เงินจำนวนมาก อันจะเป็นผลผูกพันระยะยาว แต่ต้องโปร่งใสมีประสิทธิภาพ ไม่ทำทั้งหมด ทุกแผนงานโครงการจะต้องเริ่มต้นด้วยการบูรณาการเกิดประโยชน์ เกื้อกูลซึ่งกันและกันกัน โครงการต่อโครงการ กระทรวงต่อกระทรวง ในงบประเภทเดียวกัน เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ไม่ได้ทำแผนงานโครงการตามฐานเสียงหรือเหตุผลทางการเมืองทำให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นในอดีตที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งจะนำไปหารือในการจัดทำงบประมาณปี 58 และน่าจะอยู่ในการพิจารณาดำเนินการของรัฐบาล หรือ คณะรัฐมนตรี ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยเร็วที่สุด ได้ทันก่อนการเริ่มต้นปีงบประมาณ 58 คือ 1 ต.ค. 2557 เป็นต้นไป


การจัดทำและการดำเนินงานด้านงบประมาณทุกแผนงาน โครงการ จะใช้การดำเนินการให้ใกล้เคียงกับการมีรัฐบาลปกติ ที่สำคัญเน้นให้สามารถรับการตรวจสอบได้ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณจากหน่วยที่รับผิดชอบในการตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ


ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การขุดลอกคูคลอง การสร้างถนน เส้นทางเชื่อมต่ออาเซียน หรือซ่อมแซมให้ใช้งานได้ดี ดีขึ้นจะต้องรีบดำเนินการโดยทันที แต่ต้องไม่เป็นภาระกับรัฐบาลใหม่ และเป็นปัญหาอื่นๆ ในอนาคตอีก โดยเน้นการใช้จ่ายงบประมาณด้วยการบูรณาการหน่วยงาน และงบประมาณของหน่วยที่รับผิดชอบ ต้องร่วมมือกัน


สำหรับราคาพืชผลการเกษตรอื่นๆนั้น อีกหลายอย่าง ก็กำลังหามาตรการดูแลให้เกิดความยั่งยืน ว่าจะทำได้อย่างไรในปีงบประมาณ 2558 ทั้งนี้โดยไม่ให้นำไปสู่โครงการประชานิยม ซึ่งจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมายในอนาคต โดยให้แนวทางไปพิจารณาในเรื่องลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยในการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ การพัฒนาพันธุ์ ส่งเสริมตลาดรวมการเกษตรทุกพื้นที่ พัฒนาผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมโดยใช้พื้นที่ให้น้อยลง เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลง และหาวิธีการใช้ประโยชน์วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบให้สูงขึ้น ราคาสินค้าก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาดการค้าเสรี มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรให้สูงขึ้น แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว


ปัจจุบัน คสช.ได้เร่งรัดให้มีการจ่ายหนี้ให้กับชาวนาอย่างเร่งด่วน อีกประการหนึ่งคือจากการที่ ธกส. มีการติดค้างการจ่ายเงินชาวนามาเป็นเวลานานทำให้ชาวนาเสียโอกาส คสช. กำลังพิจารณาว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งจะต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง


สำหรับการส่งเสริมการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม การลดการผูกขาด การจัดตั้งตลาดกลาง การควบคุมราคาสินค้าสำหรับอุปโภค บริโภค การลดหรือเพิ่มภาษีต่างๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้มีการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมโรงงานขนาดเล็กตามแนวชายแดนและชนบทหรือช่องทางผ่านแดนที่สำคัญเพื่อให้แรงงานที่ผิดกฎหมายไม่เข้ามาหางานในพื้นที่ตอนใน ลดความแออัดของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ต้องเข้ามาหางานในเมืองใหญ่ให้มากที่สุด


ในส่วนของพลังงาน อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะมีมาตรการดูแล ปรับปรุงได้อย่างไรบ้าง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกติกา วินัยการเงินการคลัง กฎเกณฑ์ กติกาของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมหาชน รวมถึงการพิจารณาจัดตั้งกองทุนในภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนหาวิธีดำเนินการจัดตั้งกองทุนประเทศขนาดใหญ่เพื่อลดการลงทุนของรัฐ


สำหรับในส่วนของรัฐวิสาหกิจกำลังพิจารณาทบทวนปรับปรุงให้ดีขึ้นให้ทันสมัย เร่งพิจารณาถึงการพัฒนาความมั่นคงด้านพลังานของไทย รวมทั้งเร่งพัฒนาในเรื่องพลังงานทดแทน ทั้งจากลม แสงแดด และพืชพลังงานอื่นๆ ให้เหมาะสมโดยเร็ว


คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ หรือบอร์ดนั้น มีความจำเป็นจะต้องปรับให้อยู่ในระเบียบ มีมาตรฐาน มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานให้มีความโปร่งใส และมีการตรวจสอบและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี


กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศ และประชาชนชาวไทยยังมีปัญหามากมายที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข และจัดระเบียบ ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขทุกอย่างให้ได้โดยเร็ว ที่ผ่านมาเวลาในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้สูญเปล่าไปกับความขัดแย้งของคนภายในชาติไปมากพอแล้ว เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

สำหรับ โรด แมป (Road Map) ของ คสช. ระยะที่ 1 ช่วงแรกของการควบคุมอำนาจการปกครอง จะต้องดำเนินการในเรื่องปรองดองสมานฉันท์ให้เร็วที่สุด ในกรอบเวลา 2-3 เดือน นอกจากงานความมั่นคงและขับเคลื่อน ได้ เริ่มจัดตั้งศูนย์การปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในระยะที่ 2

ทั้งนี้ทุกพื้นที่ต้องเริ่มจากครอบครัว หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังวัด คสช. ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการโดยเริ่มรวมกลุ่มจากเล็ก มาใหญ่ เพื่อให้ผู้เห็นต่างได้พบปะพูดคุยกันแต่เนิ่น และมิให้เป็นปัญหาต่อไปในระยะที่สอง รวมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อเตรียมการสู่การปฏิบัติให้พร้อมในระยะที่ 2 โดยปราศจากความขัดแย้งตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งมิได้มีการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างของส่วนราชการใดๆ หรือเรียกผลประโยชน์ ค่าตอบแทน หรือการนิรโทษกรรมใดๆ ทั้งสิ้น


ระยะที่ 2 การใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งกำลังดำเนินการจัดทำอยู่โดยฝ่ายกฎหมาย จะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติ สรรหานายกรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการ ร่าง จัดทำรัฐธรรมนูญ พร้อมกับการตั้งสภาปฏิรูปเพื่อปฏิรูปการแก้ไขในทุกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องการ และเป็นที่ยอมรับ โดยน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ส่วนที่จะมากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความร่วมมือของทุกพวกทุกฝ่ายหากสถานการณ์เรียบร้อยปกติ ปฏิรูปสำเร็จ ปรองดอง สมานฉันท์กับทุกฝ่าย ประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน ก็จะเริ่มดำเนินการก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3


ระยะที่ 3 การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกพวกพอใจ กฎหมายทันสมัยในทุกด้าน กฎระเบียบ กติกาต่างๆ ได้รับการแก้ไข ได้คนดี สุจริต มีคุณธรรม มาปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล

สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดจะไม่สำเร็จโดยเร็วอย่างที่ทุกคนต้องการได้เลย หากยังมีความไม่สงบเกิดขึ้น การประท้วงด้วยความไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และไม่เข้าใจในเหตุผลการควบคุมอำนาจในครั้งนี้ ว่าทำเพื่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน ซึ่งจะต้องส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ของไทยและมิตรประเทศได้ในอนาคตอันใกล้


ผมคิดว่าคนไทยทุกคนเหมือนผม ไม่มีความสุขมาประมาณ 9 ปีแล้ว ขณะนี้ทุกคนอยู่ในความสุขสงบมากตั้งแต่ 20 และ 22 พ.ค. เป็นต้นมา คสช. ไม่ต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องการใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ใดๆ เลย แต่ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ และถ้าทหารและข้าราชการไม่ทำอะไรเลย ใครจะมาดูแลท่าน ใครจะมาแก้ปัญหาให้ท่าน ในเมื่อประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เดินต่อไปไม่ได้ ด้วยความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ถูกตำหนิ ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจ การบังคับใช้กฎหมายปกติทำไม่ได้ ทั้งนี้ขอให้เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ให้ความร่วมมือกับข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ


คสช.เข้าใจความรู้สึกของชาวต่างประเทศ เราเข้าใจดีถึงกฎเกณฑ์ของสังคมโลกในปัจจุบัน เป็นโลกของประชาธิปไตย แต่ขอให้เวลาเราในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และอะไรอีกหลายอย่าง เพื่อแก้ประชาธิปไตยของไทยให้เป็นสากล ถูกต้อง ชอบธรรม รับผิดชอบ เสียสละ นึกถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกพื้นที่ ทั้งประชาชนเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ต้องได้รับความพึงพอใจอย่างทั่วถึงกัน หากทุกคนร่วมมือกันจะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน ทุกอย่างก็จะผ่อนคลายไปตามลำดับ เราเข้าใจว่าทุกคนคงต้องเลือกประเทศชาติก่อน ประชาธิปไตยที่จะต้องเตรียมการแก้ไขปรับปรุงนั้นก็จะมาในระยะเวลาไม่นานนัก


มีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่พวกเราต้องช่วยกันทำ ช่วยกันคิด ก็คงไม่สำเร็จหากยังมีการประท้วงหรือไม่ร่วมมืออยู่ ขอเวลาให้เราได้แก้ไขปัญหาให้ท่านโดยเร็ว จากนั้น ทหารก็จะกลับไปทำภารกิจของเราต่อไป และจะคอยเฝ้ามองประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยก้าวต่อไปข้างหน้าสู่อนาคต ด้วยความสุขแบบยั่งยืน ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน


สวัสดีครับ


วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ข้อเขียนดี ๆ หลังรัฐประหาร !







ข้อเขียนแรก โดยคุณ Chokchai Ruangroj

คือไม่ได้จะชาบูการทำรัฐประหารนะครับ ไม่อยากให้มี แต่เมื่อมันมีแล้วก็ควรทำให้ได้ประโยชน์ เพราะเห็นว่ารัฐประหารไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ควรดูที่เจตนา และรอดูผลซะก่อน

ผลระยะสั้นที่เห็นคือ มีรัฐประหารมา 3วัน
- ยุติชุมนุมทุกฝ่ายโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
- ไม่มีประชาชนผู้บริสุทธ์ต้องตาย/บาดเจ็บ
- M79 เงียบๆไป
- ตรวจค้นและจับอาวุธสงครามได้เป็นโกดัง
- เริ่มกระบวนการจ่ายเงินชาวนา
- พวกหมิ่นสถาบันต้องมุดรูหนี
- ปลุกสำนึกรักชาติ

เทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดที่แล้ว อยู่มา 2ปีกว่า
-โกงของบริจาคช่วยน้ำท่วม
-โกงชาวนาจนฆ่าตัวตายไปหลายคน
-โครงการเดียวประเทศเจ๊งหลายแสนล้าน ยังไม่นับที่โกงโครงการอื่นๆอีก
- เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
- ปลอมเอกสารแก้กฏหมาย
- ออกกฏหมายล้างผิด
- ไม่ยอมรับคำตัดสินศาลถ้าตนเสียประโยชน์
- ใช้อันธพาลและเจ้าหน้าที่รัฐรังแกประชาชน
- ไม่สามารถปกป้องสวัสดิภาพของประชาชนได้ มีแต่ส่งรัฐมนตรีออกมาขู่รายวัน ว่าเดี๋ยวระเบิดลงอีกแน่ รู้แต่ไม่ป้องกัน
- จัดคนขึ้นเวทีไปด่าสถาบัน แล้วก็ร้องเฮๆๆ
- ศาลตัดสินไม่ถูกใจ ก็ประกาศแยกประเทศ

อย่าตัดสินใจอะไรเพียงแค่ชื่อเรียก รัฐบาลไหนทำเพื่อประเทศชาติ แก้ปัญหาให้บ้านเมือง ถึงจะเรียกว่าเผด็จการ ผมก็จะเชียร์

รัฐบาลไหนมาจากการเลือกตั้ง ทำเพื่อตระกูลตัวเอง มีนักโทษคนเดียวเป็นคนบัญชาการ ถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย ผมก็จะไล่

วันนี้ ประชาชนเชียร์ทหาร ให้กำลังใจทหารเพื่อสู้กับนักการเมืองอันธพาลขี้โกง และสู้กับพวกบูชาคำว่าเลือกตั้ง ช่วยกันปฏิรูปให้ดีขึ้น แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน

หากเวลาผ่านไปพิสูจน์ว่าทหารไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เชื่อเถอะครับ ว่าประชาชนที่เชียร์ทหาร จะออกมาไล่ทหารเอง แต่วันนี้ เราต้องให้กำลังใจทหารก่อน

และที่สำคัญ อย่าคาดหวังสวยหรู ว่าทหารจะต้องทำได้ตามใจที่ตนต้องการทุกประการ หน้าที่ปฏิรูปบ้านเมือง ต้องช่วยกัน อย่าโยนให้ทหารอย่างเดียว อย่ากดดันเกินกำลังทหาร เพราะปัญหาประเทศไทย มันหมักหมมมานาน หากคุณอยากจะให้แก้ง่ายๆเพียงชั่วพริบตา นั่



----------------------

ข้อเขียนที่ 2 โดยคุณ วรวรรณ ธาราภูมิ (ประชาชนคนหนึ่ง)

มีบางคนห่วงว่ารัฐประหารครั้งนี้ ในที่สุดก็จะจบลงไม่สวย

แต่ก่อนที่จะถูกเพื่อนๆ ในกลุ่มกล่าวหาว่าคนที่คิดอย่างนี้เป็นพวกมือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำ ก็อยากให้ทุกคนคิดย้อนดูว่า ก่อนที่กองทัพจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาด บ้านเมืองอยู่ในสภาพเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ใช่หรือไม่

เอาละ บางคนคงจะบอกว่าเดินได้ ถ้ากลุ่มนั้น พวกนี้ ปล่อยให้มีการเลือกตั้ง

แต่ในความเป็นจริงนั้น การเลือกตั้งไม่มีทางเกิดได้ด้วยดี และมีทีท่าว่าจะไม่สำเร็จไปอีกนาน เพราะคนจำนวนมหาศาล ไม่ไว้วางใจนักการเมือง ขาดศรัทธาในประชาธิปไตยแบบที่มีเจ้าของพรรคสั่งการกดปุ่มเอง พูดเอง เออเอง อยู่นอกประเทศ โดย ครม.กับทุกองคาพยพ ก็แค่ “เจว็ดที่มีเชือกดึงรั้งอยู่ในมือเขา เขาจะสั่งให้ซ้ายกัน ขวาหัน ตีลังกา อ้าปากพะงาบๆ อย่างไรก็ได้” ใช่หรือไม่

เรายอมรับความจริงกันไหมว่า ศอ.รส. กับอดีตคณะรัฐบาล นอกจากจะไม่ได้ให้ความปลอดภัยกับประชาชนโดยเท่าเทียมกันแล้ว ยังเหมือนจะสนับสนุนส่งเสริมความรุนแรงให้เกิดขึ้นกับผู้คิดเห็นต่าง ยังปล่อยวาทกรรม Hate Speech ดังที่เราเห็นกันอยู่เนืองๆ เช่น การปรากฏกายบนเวทีของ อดีต รมว.มหาดไทย บนเวทีเสื้อแดงที่สนามรัชมังคลาฯ แล้วหลังจากนั้นก็มีปฏิบัติการเข่นฆ่านักศึกษารามฯ โดยตำรวจไม่เข้าไปช่วยเลย จนทหารทนไม่ไหว ต้องเข้าไปช่วยเอง ใช่หรือไม่

เราจะปฏิเสธกันหรือ ว่าไม่มีความรุนแรง ไม่มีอาวุธสงครามมากมายตามที่ต่างๆ ไม่มีกองกำลังที่เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังอาจจะก่อการจราจล ไม่มีปฏิบัติการที่เตรียมพร้อมจะเกิดสงครามกลางเมือง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่

หรือว่าคนไทยความจำสั้นยิ่งกว่าปลาทอง

ยังจำเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้ไหม ว่าใครทำตัวดีชั่วอย่างไร แล้วใครกันแน่ ที่เข้ามาทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม่ปริปากบ่นเลย กับใครที่เอารัดเอาเปรียบ ขโมยข้าวของบริจาค จำได้หรือไม่

ยังจำภาพชาวนาผูกคอตาย ชาวนาที่มาขึ้นเวทีหลวงปู่ เวที คปท. และเวที กปปส. ได้หรือไม่ เขาเหล่านั้นเดือดร้อนจริงๆ ใช่หรือไม่

ยังจำภาพการข่มขืนในสภาที่จะออก พรบ.นิรโทษสุดซอย ได้หรือไม่ นั่นน่ะหรือ คือสิ่งที่เราจะต้องเดินหน้าเลือกตั้งเพื่อผดุงเปลือกของความเป็นประชาธิปไตยเอาไว้ หรือจำยอมเพียงเพื่อให้เราได้มาตรฐานสากล แล้วก็วนเวียนกลับมาซ้ำเติมเราแบบเดิมๆ ไม่รู้จบ

เราจะเอามาตรฐานสากลไว้ แต่บ้านเราจะพินาศ จะสูญเสียอย่างไร ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามมาตรฐานบ้านพ่อของคนชาติอื่น ที่ไม่เคยหวังดี ไม่เคยเป็นมิตรที่แท้จริงของเรา ยังงั้นหรือ หากจะถกเถียงกันในเรื่องนี้ ในเรื่องประชาธิปไตยเต็มใบ What so ever ขอให้ตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า ...

หากประชาธิปไตยสากลของสหรัฐฯ ของอียู ของ UN เป็นมาตรฐานที่ดี ที่แท้จริง ทำไมถึงไปสนับสนุนการล้มรัฐบาลอียิปต์ที่มาจากการเลือกตั้งเล่า ทั้งๆ ที่มีคนตายเป็นหลายร้อยคน

หากประชาธิปไตยสากลของสหรัฐฯ ของอียู ของ UN เป็นมาตรฐานที่ดี ที่แท้จริง ที่จะทำมาค้าขายด้วยได้ ทำไมประเทศพวกนี้ รวมถึงสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ถึงได้ไปทำมาค้าขายกับจีนด้วยเล่า

ฯลฯ

หยุดเพ้อเจ้อกับทฤษฎีบ้าประชาธิปไตยที่มีแต่เปลือกเสียทีเถิด และอย่าเถียงว่าก่อนหน้าจะทำรัฐประหารนั้นเรามีประชาธิปไตยจริงๆ กันเสียที เพราะคนที่อยากจะเถียงเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า มันไม่ใช่

ในท่ามกลางความขัดแย้งในประเทศ การจะเอาอะไรให้เป็นเรื่องถูกต้องตามกฏหมายไทยน่ะ มันทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะต่างก็ตั้งโจทย์ว่าอยากได้ผลลัพธ์อย่างนี้ แล้วก็ให้เนติบริกรไปตีความกฏหมายให้เข้าข้างแนวคิดตน แต่ในท่ามกลางวิกฤติอย่างนี้ ไม่มีทางที่ใครจะยอมกัน ใช่หรือไม่

เมื่อยังไม่มีทางที่จะมีรัฐบาลตัวจริงมาบริหารประเทศได้ในเร็ววัน แต่ปัญหาด้านงบประมาณ ความเป็นตายของชาวนา เงาทะมึนของปัญหาเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้กำลังเข้ามาแล้ว ความหายนะจากสงครามกลางเมืองที่มีทีท่าว่าจะเกิด ก็กำลังเป็นจุดเร่ง แล้วทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาได้

อย่าลืมนะ ว่าไม่มีใครยอมใครในสถานการณ์นี้ ดังนั้น ไม่ต้องมาบรรยายให้มากความว่าแก้อย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่า เราไม่ยอมเสียเวลาไปกับการโต้เถียงที่ไร้ทางออกอีกแล้ว

ดังนั้น จึงมีคำพูดนี้ออกมาจากปากของ ผบ.ทบ. ....

“ถ้าทุกฝ่ายถูกหมด ผมยอมผิดคนเดียว”

ทั้งๆ ที่ทหารจะวางตัวเฉย ก็อยู่สบาย ไปสบาย ในยามใกล้เกษียณ แต่ทหารทนเห็นบ้านเมืองย่อยยับไปกับตาไม่ได้

นี่คือทหาร และเราก็โชคดีที่ ผบ.ทบ.มีความเป็นผู้นำที่สังคมไทยไม่มีมานานแล้ว เป็นผู้ที่มองเห็นและเข้าใจปัญหาของเรา

คำพูดที่จริงใจของ ผบ.ทบ.ที่เราได้เห็น ได้ยิน ตามที่มีการเผยแพร่ในระยะหลัง น่าจะช่วยปลดพันธนาการของความขลาดเขลา โง่งมงาย และหลงผิด ของคนไทยจำนวนมาก ให้กลับมาคิดถึงความจริง ความดำรงอยู่ของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของความเป็น “ไท”

เราสูญเสียเวลาและโอกาสไปเป็นทศวรรษแล้ว เป็นทศวรรษของความสูญเปล่าจริงๆ (The Lost Decade) การจะให้จบด้วยดี ไปตลอดรอดฝั่ง พวกเราทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการทำให้บรรลุเป้าหมาย เพราะคนไทยทุกคนย่อมร่วมชะตากรรมที่จะเกิดกับประเทศทั้งนั้น

อย่าโยนทุกอย่าง ทุกเรื่อง ไปที่กองทัพ

ส่วนนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค รวมถึงบรรดา สว. ก็ต้องยอมรับในความผิด ในความอ่อนด้อย ในความเห็นแก่ตัวของตน ที่มีส่วนเป็นอย่างมากในการทำให้กองทัพเขาต้องเลือกทางนี้ เพื่อความอยู่รอดของชาติ

ดังนั้น ที่ดีที่สุด นักการเมืองทั้งหลาย ควรจะสำนึกทบทวนสิ่งที่พวกคุณทำแก่ชาติบ้านเมือง และไม่ต้องออกมาชี้หน้าโทษคนนั้นคนนี้อีก เพราะพวกคุณใช้การเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ แถมยังขยายวงความขัดแย้ง การเอาพวกเข้าไปในวงการต่างๆ ด้วยวิธีที่สกปรก ไม่โปร่งใส ซึ่งเรื่องนี้มันลุกลามไปยังวงการต่างๆ เกือบจะครบถ้วน และจะฝังรากเพื่อฟักตัวไปทำอะไรได้อีกไม่น้อยในอนาคต หากไม่รู้เท่าทัน และไม่ป้องกันหรือแก้ไขในวันนี้

สำหรับพวกเราเองนั้น จากที่เหนื่อยหนักในการออกเดิน ออกไปให้กำลังใจ ออกกำลังทรัพย์ กำลังปัญญา จนบางคนต้องสละชีพ เพื่อขัดขวางไม่ให้ประชาธิปไตยแต่เปลือกในบ้านเรากลืนกินทุกอย่างไปหมดสิ้นจนเหลือแต่ขี้ข้า เรานั้นคือประชาชนที่เคยอยู่หน้า โดยมีกองทัพให้ความคุ้มครองป้องกันภัยร้ายอยู่เบื้องหลัง

แต่ในวันนี้ เมื่อถึงเวลาที่ทุกเหล่าทัพต้องออกมายืนข้างหน้าแล้ว เราก็จะไม่ทอดทิ้งเขา เราจะเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลัง ให้กองทัพทำงานเพื่อส่วนรวมได้อย่างราบรื่น ด้วยการให้ความร่วมมือกับเขา

อย่าใจร้อน อย่าเอาแต่ใจ อย่าแค่ใช้ปากกับนิ้วจิ้มแป้นทำงาน ก็จะช่วยประเทศชาติได้เหมือนกัน

การปฏิรูปต่างๆ นั้น เคยบอกแล้วว่าองค์กรต่างๆ รวมถึงภาคประชาชนผ่านภาคีเครือข่ายสังคมต่างๆ เขาทำมาอย่างต่อเนื่อง และมีการแบ่งลำดับเป็นเรื่องเร่งด่วนตามความจำเป็นและสำคัญเป็นลำดับแล้ว

สิ่งที่ต้องการหลังจากนี้คือ คนที่ฟันธงเดินหน้า ซึ่งในบทบาทแบบนี้ ไม่มีใครเหมาะเท่ากับผู้ที่มีความเด็ดขาด กล่าทำ กล้ารับผิดชอบ

และที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราทั้งหลาย อย่าไปทำแบบเดิมๆ คือ การทำให้เขาเสียเวลาทำงานเพื่อชาติด้วยการขอเข้าพบ ไปแสดงความยินดี มอบดอกไม้ ดอกไร่ ฯลฯ

พอเหอะ หากมีอะไรจะอยากให้ เอาไปให้นายทหารเล็กๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงนี้เถิด และถ้าเรารังเกียจคอร์รัปชั่น เราก็ต้องจับตาดูว่ามีใครทำอะไรแบบนั้นไหม

มันน่าจะหมดยุค แผล่บๆ ได้แล้วนะ อย่าทำให้คนดีๆ เขาเสียคนเพราะลิ้นทาชะแล็คเลย

แมวสีอะไร ถ้าจับหนูได้ ก็ใช้ได้แล้ว ตอนนี้เรามีแมวแล้ว อย่าทำร้ายแมวผู้เสียสละด้วยการเอาปลาย่างอาบยาพิษไปให้เลย

พ่อของพี่ ทหารคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เคยสอนว่า ...

หากจะก้มหัวเคารพนบไหว้ใคร จงทำไปเพราะเขามีเกียรติ ศักดิ์ศรี และมีคุณความดี แต่อย่าไปก้มหัวยกย่องใครเพราะเห็นว่าเราจะได้ผลประโยชน์จากเขา


-----------------------------

ข้อเขียนที่ 3 Jack Russell.th : Classy's Producer
(25 พฤษภาคม 2557)


"..... ยึดติดกับคำว่า "รัฐประหาร" มากเกินไปหรือเปล่า คำก็ไม่ดี , สองคำก็ประเทศชาติล้าหลัง , สามคำก็อายต่างชาติ ?! ... แล้วอะไรที่ดี ในความคิดของคุณ ?!

- รัฐบาล โคตรคอร์รัปชั่น - ดี ?!
- รัฐบาล ทุจริตโครงการจำนำข้าวกว่า 7 แสนล้าน - ดี ?!
- รัฐบาล ที่อยู่เบื้องหลังการ "ลอบฆ่า" ประชาชน - ดี ?!
- รัฐบาล ที่ "ซ่องสุม" อาวุธสงคราม , ระเบิด และ M79 - ดี ?!
- รัฐบาล ที่ออก พรบ. ลักหลับ - ดี ?!
- รัฐบาล ที่เสียบบัตรแทนกันหน้าด้านๆ - ดี ?!
- รัฐบาล ที่ออก พรบ. นิรโทษโคตรเหง้าโจร - ดี ?!
- รัฐบาล ที่ยุยงให้พวก "เดรัจฉานแดง" ออกไปเผาเมือง , เผาห้าง , เผาศาลากลาง , ยิงวัดพระแก้ว - ดี ?!
- รัฐบาล ที่วันๆไม่ทำ "ส้นตีน" อะไรเลย ถ้าไม่หาแดกกับโครงการปล้นคนไทย ก็คิดแต่จะ "ฟอกผิด" พานักโทษหนีคดี กลับบ้านแบบเท่ๆ - ดี ?!
- รัฐบาล ที่อยู่เบื้องหลัง ขบวนการ "ล้มในหลวง" - ดี ?!
- ฯลฯ

++

.. พอได้แล้ว เลิกดัดจริตกันได้แล้ว และไอ้พวกที่ "ถอดเสื้อแดง" มาห่มขาวจุดเทียน หรือเอาสก็อตเทปดำ - ปิดปาก รับจ้างมา "ประท้วงต่อต้านทหาร" เลิกเถอะ

.... หัดทำมาหาแดกที่ใช้สมองและสำนึกบ้าง พวกคุณมันไม่มีราคาแล้ว เปิดตาเปิดใจดู "ความจริง" กันบ้าง ทหารเขาออกมาช่วยปกป้องรักษาชีวิตประชาชน แถมยังมีความคิดจะหาเงินคืนชาวนา .. ตั้งแต่ทหารออกมา ยังไม่มีข่าวประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพราะถูก "สัตว์นรก" ที่ไหนลอบฆ่าเลย - สักคนเดียว ??! .. ใช่หรือไม่ ?!

... แล้วจะบอกว่า การ "รัฐประหาร" ครั้งนี้ ไม่ดีต่อพี่น้องประชาชน - ได้อย่างไร ?! ... ไม่มีใครเขาอยากให้มีการ "รัฐประหาร" หรอก แต่จะดูอะไร มันต้องดู มันต้องตัดสินกันที่ "เจตนา" ไม่ใช่มึนเมาไปหลง "ยึดติด" แต่คำว่า "รัฐประหาร" อย่างเดียว ?!!!

... ใครที่แคร์ต่างประเทศ , แคร์อเมริกามากกว่าแคร์ "ชีวิตเพื่อนมนุษย์" คนไทยด้วยกัน ก็ง่ายนิดเดียว พวกคุณก็อพยพไปอยู่ที่อื่นซะ ! .. นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหน ก็ไป "ดูไบ" ไปขออยู่เป็น "ขี้ข้าขี้ตีนทักษิณ" ก็ได้ ?!!

... อย่าอยู่แม่งเลย - ประเทศไทย ที่นี่มันเป็นแผ่นดินของคนที่ "รักในหลวง" เป็นแผ่นดินของ "คนไทยในรัชกาลที่ ๙" ที่อยากเห็นความสงบสุข .. คนไทยที่เขา "สติดีดี" เขารังเกียจ และเบื่อหน่ายไอ้พวก "เดรัจฉานแดง" กันจนทนไม่ไหว - แล้วโว้ย ?!! ....."

/ แ จ็ ค รั ส เ ซ ล






วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เบื้องหลังก่อนการรัฐประหาร ของพลเอกประยุทธ์






มีรายงานว่าในระหว่างการชุมเพื่อหาทางออกเป็นวันที่สองนั้น ทุกฝ่ายต่างยืนยันแนวทางของตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลง !!

ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งพักประชุม แยกเป็นสองห้อง ให้ทั้งฝ่ายกปปส. และนปช. ไปคุยกันเพื่อหาข้อยุติให้ได้ 

ต่อมากลับมาประชุมอีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง ได้ข้อสรุปหรือไม่"

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตัวแทน กปปส. ยืนยันตามเดิมคือ ต้องมีนายกฯคนกลาง และปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นตัวปัญหา ต้องลาออกเพื่อยุติความขัดแย้ง

ขณะที่ นายชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนรัฐบาลรักษาการ ยืนยันว่าไม่สามารถลาออกได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ ที่ให้ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป 

จากนั้น นายสุเทพ ได้ยกมือขึ้นขอหารือเป็นการส่วนกับพล.อ.ประยุทธ์ และนายจตุพร พมหมพันธ์ โดยทั้ง3ได้ยืนคุยกันประมาณ 3 นาที

จากนั้นกลับมาที่ห้องประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ ถามนายชัยเกษม รัฐบาลท่านจะลาออกเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนกลาง เพื่อแก้ไขสถานการณหรือไม่ 

แต่นายชัยเกษม ยืนยันเช่นเดิมว่า ไม่สามารถทำได้ !!

พล.อ.ประยุทธ์ จึงประกาศว่า "โอเค เมื่อทุกฝ่ายคุยไม่รู้เรื่อง หาทางออกไม่ได้ ก็ขอยึดอำนาจการปกครอง ขอให้ทุกคนที่นี่นั่งอยู่กับที่ ยกเว้น กกต.และวุฒิสภา ให้ลงไปชั้น 1 ที่เหลือ 5 ฝ่ายให้นั่งอยู่กับที่โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไว้"


ทีมข่าวไทยโพสต์


คลิปฮอต บิ๊กตู่ประกาศรัฐประหาร ยึดอำนาจ