คำว่า ตถตา นั้น หลวงพ่อพุทธทาสได้เทศนาไว้หลายครั้ง ท่านเคยอธิบายว่า หัวใจพุทธศาสนาจริง ๆ แล้ว ย่อเหลือแค่คำว่า ตถตา เท่านั้น
ตถาตา แปลว่า เช่นนั้นเอง
หากเราเข้าใจอย่างถ่องแท้และยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง เราก็จะเข้าถึงหัวใจแห่งการหลุดพ้นในพุทธศาสนาได้ไม่ยาก
นั่นก็คือ การปล่อยวาง ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะมันก็เป็นเช่นนั้นเอง
ผลงานรูป อ.เจริญ กุลสุวรรณ
--------------
ผมชอบมากกับคำว่า ตถตา = มันเป็นเช่นนั้นเอง
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่า มีเหตุการณ์บางอย่างที่เรารู้สึกว่า ทำไมไม่ยุติธรรมกับเราเลย
แต่ความเป็นจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา มันยุติธรรมสำหรับเราแล้วในเวลานั้น ๆ แล้วทั้งสิ้น
เพียงแต่เราอาจจำสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุแบบนั้นกับเราไม่ได้ เราจึงคิดว่า มันเหมือนไม่ยุติธรรมกับเรา
แต่ความจริงกฎแห่งกรรมนั้นยุติธรรมที่สุดแล้ว
กฎแห่งกรรม ความหมายก็คือ กฎแห่งการกระทำของเรา ทั้งกรรมในอดีตและกรรมในปัจจุบันที่เรากระทำทุกอย่าง ล้วนส่งผลต่อชีวิตเราทั้งสิ้น
กฎแห่งกรรม จึงเป็นเสมือนพระเจ้าของตัวเราเอง
ซึ่งการกระทำดี หรือการกระทำชั่ว การกระทำแต่ละอย่างอาจส่งผลช้าเร็วกับเราไม่เท่ากัน จึงทำให้หลายคนไม่เข้าใจกฎแห่งกรรมดีพอ จึงมักหลงผิดไปว่า
ทำไมคนทำดีบางคนทำดีแต่กลับไม่ได้ดี แต่คนบางคนทำชั่วกลับได้ดีมีถมไป
ใครที่ไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม จึงมักจะถูกนำพาให้หลงผิดคิดเข้าใจว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป ซึ่งนี่คือ มิจฉาทิฏฐิ
มิจฉาทิฎฐิ จะตรงกันข้ามกับ สัมมาทิฏฐิ 10 ประการ
ซึ่งสัมมาทิฏฐิ 10 ประการคือ
1. ทานที่ให้แล้วมีผลจริง
2. ยัญ(การสงเคราะห์)ที่ทำแล้วมีผลจริง
3. การเซ่นสรวงหรือการบูชามีผลจริง
4. วิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง
5. โลกนี้มีจริง
6. โลกหน้ามีจริง
7. มารดามีคุณจริง
8. บิดามีคุณจริง
9. สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นมีจริง
10. พระอรหันต์ผู้ สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง
ดังนั้นไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับเรานั้น มันยุติธรรมเสมอ และผลของการกระทำที่เราก่อไว้ ย่อมสนองผลกับเราอย่างยุติธรรมแน่นอน
เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง
ดังนั้นเมื่อเราทุกข์ ก็จงใช้ความทุกข์นั้นเพื่อพัฒนาจิตใจและการกระทำของเราให้ดีขึ้น
จงอย่าใช้ความทุกข์ของเราไปทำร้ายใคร เพราะมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราอีกครั้ง
จำไว้ยิ่งทุกข์ต้องยิ่งสร้างกุศล
แล้วกุศลจะช่วยให้เราได้พ้นทุกข์ จากที่เราเคยคิดว่า มันไม่ยุติธรรมกับเราให้พ้นไปได้เร็วขึ้น ครับ
----------------
พระพุทธองค์ ทรงสอนพวกเราว่า....
พระพุทธประทานยศบารมี หน้าตัก 9 นิ้ว ผลงาน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
1.ไม่ว่าเราได้พบเจอใคร เขาเหล่านั้น คือคนที่เราจะต้องได้พบเจอ ไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเราด้วยเหตุบังเอิญ
2.ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใด ๆ ขึ้นในชีวิตเรา มันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้าย เราต้องยอมรับมัน ไม่มีเรื่องใดที่บังเอิญ เพราะเราเคยทำแบบนี้กับเขามาในอดีต
3. เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาใด นั่นคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ควรเกิด เพราะมันต้องเกิด ต่อให้เราเตรียมตัวหรือไม่ได้เตรียมตัว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สิ่งเหล่านั้นก็ต้องเกิดขึ้น
4. เมื่อปัจจัยจบ ต้องยอมรับว่าจบ อย่าเหนี่ยวรั้ง อย่าอาลัยอาวรณ์ ขอให้เรารู้ว่า เมื่อสุดมือสอย ก็ต้องปล่อยมันไป และกล้าเผชิญในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีเรื่องดีๆ กำลังรอเราอยู่ข้างหน้าเสมอ
5. ทำความดี ในปัจจุบันให้มากที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่า เราเคยทำกรรมอะไรในอดีตมาบ้าง เพราะคิดไปก็เปล่าประโยชน์ เราทำอะไร กับกรรมเก่าไม่ได้แล้ว
แต่ผู้มีปัญญาเท่านั้น จะรู้ว่ากรรมใหม่ดี ๆ มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำ และควรทำทันที
สรุปคือ หมั่นทำกรรมดีในปัจจุบัน สำคัญที่สุด
ขอบคุณข้อเขียนเรื่องพระพุทธเจ้าทรงสอน.. โดย คุณเก๋เอ็มเค
คลิกอ่าน กฎแรงดึงดูด vs กฎแห่งกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก