หลังศาลฎีกาสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินคดีประวัติศาสตร์ที่ดินรัชดาของคุณ หญิงพจมาน ชินวัตรจำเ ลยที่2 กับ อดีตนายกฯทักษิณ จำเลยที่ 1 ผลการตัดสินพจมานรอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนทักษิณติดคุก2ปี ฐานไม่รู้กฏหมาย ! โดนไม่รอลงอาญา
จากคำสัมภาษณ์ของทีมทนายความของทักษิณ ได้บอกไว้ว่า เคยได้เตือนเรื่องการซื้อที่ดินแปลงนี้กับทักษิณแล้ว ว่าอาจเข้าข่ายผิดกฏหมายได้ เพื่อความไม่ประมาทก็ควรละเว้นการซื้อที่ดินแปลงนี้เสีย
แต่ทักษิณกลับไปฟังคำสอพลอของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทุนฟื้นฟูฯและธนาคารแห่งประเทศไทย "ว่าซื้อได้ ไม่มีปัญหาครับนาย(ก)" ก็ข้าราชการก็เลียกันแบบนี้ ผู้มีอำนาจก็เลยหลงอำนาจตามไปด้วย สุดท้าย ข้าราชการสอพลอกลับรอด แต่ทักษิณซวยคนเดียว?
แต่กรณีนึงที่ผมอยากจะยกมาเล่าก็คือ กรณีอาจารย์นิด้าทะเลาะกับเมีย แล้วเอาไม้กอล์ฟตีหัวเมียตาย ศาลกลับลงโทษแค่รอลงอาญา โดยเหตุผลที่ศาลอ้างช่วยคือ อาจารย์เป็นคนที่มีความรู้สร้างประโยชน์กับประเทศชาติเลยให้ได้รับการรอลงอาญา!
ถามว่า ทักษิณผิดมั้ย ผมคิดว่าผิดแน่นอน เพราะเป็นถึงนายกฯต้องรู้กฏหมาย จะอ้างว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้ ถื่อว่า บกพร่องต่อหน้าที่ แต่เรื่องทุจริตหรือไม่นั้่น ที่ศาลไม่ได้ตัดสินว่าุทุจริต ก็ไม่ได้แปลว่้า ในใจจะไม่ทุจริต เพราะที่ศาลเอาผิดตรงนี้ไม่ได้ เพราะหลักฐานมันตามไปไม่ถึงเท่านั้นเอง ส่วนทุจริตจริงหรือไม่ ก็อยู่ที่ใจทักษิณคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ส่วนไม่ได้รอลงอาญานั้น สำหรับความคิดผม ไม่ค้านศาล แต่แค่อยากศาลเด็ดขาดแบบนี้ในทุกศาลก็เท่านันเอง
ใหม่เมืองเอก
========================================================
คำต่อคำ แถลงการณ์ "ทักษิณ" แจกสื่อนอกประจานไทยทั่วโลก (คำแปล)
วูดซัม แมเนอร์
เซอร์เรย์, อังกฤษ
22 ต.ค. 51 เรียน เพื่อนสื่อมวลชนต่างประเทศ
สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงพวกคุณในวันนี้เพื่อให้ความกระจ่างในข้อเท็จจริงบางอย่าง ข่าวพาดหัวที่มีการรายงานว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทุจริตต้องโทษจำคุก 2 ปีจากการซื้อที่ดินของภรรยาผม, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือความจริง ผมถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียวที่ผมถูกสั่งจำคุก เพราะในช่วงเวลาที่ภรรยาของผมซื้อที่ดินโดยการเปิดประมูลนั้น ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผมได้ฟังคำตัดสินเมื่อวันก่อนและจนถึงตอนนี้ ผมยังคงสับสน เพราะไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล คำถามคือ ภรรยาของผมเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและตัดสินใจยื่นประมูลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ยื่นเสนอราคาจำนวนมากแก่ผู้ขายซึ่งคือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มากกว่าผู้ยื่นประมูลรายอื่นๆ เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ขาย จ่ายเงินค่าที่ดินโดยที่สามีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร
ในแง่ของข้อกล่าวหาเรื่องอิทธิพลอำนาจที่ผมอาจมีเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจควบคุมโดยตรงเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่าเธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น ผมเชื่อว่าพวกคุณจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าวมืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น
สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน ถ้าหากผมจะมีความผิดอะไรสักอย่าง นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยกลุ่มที่อยู่ในชนบทและไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ได้เห็นว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องและมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาจัดทำนโยบายที่มีประสิทธิภาพและทำโครงการต่างๆที่จะยังผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น
ผมยอมรับคำตัดสินนี้ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน รู้สึกโล่งใจสำหรับภรรยาที่ผมดึงเธอเข้าไปสู่ความยากลำบากมากทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานทางการเมืองของผมในการที่จะนำความยิ่งใหญ่และความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนของผม ทั้งรู้สึกนึกขัน ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย
สำหรับพวกคุณที่อาจไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยที่กำลังดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ สื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ไฟฟ้าหรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน
ผมไม่ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำรายการโทรทัศน์ แต่กลุ่มคนที่ล่วงละเมิดผิดกฎหมายและยึดครองทำเนียบรัฐบาลกลับได้รับความคุ้มครองจากศาล
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของ บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนในประเทศของผม
ประเทศไทยเป็นและจะยังคงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม คนจำนวนไม่มากที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ กำลังขัดขวางเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดพี่น้องชาวไทยจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และการสิ้นสุดของฝันร้ายอยู่ไม่ไกล
ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ร่วมแบ่งปันข้อเท็จจริงกับคุณ
ด้วยความนับถือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เซอร์เรย์, อังกฤษ
22 ต.ค. 51 เรียน เพื่อนสื่อมวลชนต่างประเทศ
สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงพวกคุณในวันนี้เพื่อให้ความกระจ่างในข้อเท็จจริงบางอย่าง ข่าวพาดหัวที่มีการรายงานว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทุจริตต้องโทษจำคุก 2 ปีจากการซื้อที่ดินของภรรยาผม, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือความจริง ผมถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียวที่ผมถูกสั่งจำคุก เพราะในช่วงเวลาที่ภรรยาของผมซื้อที่ดินโดยการเปิดประมูลนั้น ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผมได้ฟังคำตัดสินเมื่อวันก่อนและจนถึงตอนนี้ ผมยังคงสับสน เพราะไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล คำถามคือ ภรรยาของผมเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและตัดสินใจยื่นประมูลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ยื่นเสนอราคาจำนวนมากแก่ผู้ขายซึ่งคือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มากกว่าผู้ยื่นประมูลรายอื่นๆ เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ขาย จ่ายเงินค่าที่ดินโดยที่สามีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร
ในแง่ของข้อกล่าวหาเรื่องอิทธิพลอำนาจที่ผมอาจมีเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจควบคุมโดยตรงเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่าเธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น ผมเชื่อว่าพวกคุณจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าวมืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น
สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน ถ้าหากผมจะมีความผิดอะไรสักอย่าง นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยกลุ่มที่อยู่ในชนบทและไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ได้เห็นว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องและมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาจัดทำนโยบายที่มีประสิทธิภาพและทำโครงการต่างๆที่จะยังผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น
ผมยอมรับคำตัดสินนี้ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน รู้สึกโล่งใจสำหรับภรรยาที่ผมดึงเธอเข้าไปสู่ความยากลำบากมากทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานทางการเมืองของผมในการที่จะนำความยิ่งใหญ่และความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนของผม ทั้งรู้สึกนึกขัน ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย
สำหรับพวกคุณที่อาจไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยที่กำลังดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ สื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ไฟฟ้าหรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน
ผมไม่ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำรายการโทรทัศน์ แต่กลุ่มคนที่ล่วงละเมิดผิดกฎหมายและยึดครองทำเนียบรัฐบาลกลับได้รับความคุ้มครองจากศาล
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของ บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนในประเทศของผม
ประเทศไทยเป็นและจะยังคงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม คนจำนวนไม่มากที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ กำลังขัดขวางเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดพี่น้องชาวไทยจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และการสิ้นสุดของฝันร้ายอยู่ไม่ไกล
ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ร่วมแบ่งปันข้อเท็จจริงกับคุณ
ด้วยความนับถือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 23:32:23 น. มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 1104 คน
วิเคราะห์!! แถลงการณ์"ทักษิณอ้างตัวแทน ปชต."โจมตีคำตัดสินคุก 2 ปี "ไร้เหตุผล"หรือ"ถูกบิดเบือน"
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งรู้บทบัญญติในเรื่องนี้เป็นอย่างดี นอกจากจะไม่ห้ามปรามมิให้ภริยาซึ่งร่ำรวยมหาศาลซื้อที่ดินจากหน่วยงานของรัฐซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งแล้ว กลับสนับสนุนด้วยการลงนามยินยอมในเอกสาร เท่ากับจงใจฝ่าฝืนและกระทำผิดกฎหมายป้องกันการทุจริตอย่างชัดแจ้ง
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเลือกที่จะแจกแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษให้แก่สื่อมวลชนต่างประเทศในกรุงลอนดอนแทนที่จะแจกแถลงการณ์ผ่านสื่อมวลชนไทยเหมือนที่ผ่านมา
เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการฟ้องและโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทยต่อชาวโลกโดยเฉพาะศาลยุติธรรมว่า ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง หลังจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีจัดซื้อที่ดิน ถนนรัชดาภิเษกจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มูลค่า 772 ล้านบาท เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(1) และ 122 ซึ่งห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีซึ่งข้อห้ามดังกล่าวให้รวมถึงคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ 3-4 ประเด็นซึ่งจะขอวิเคราะห์เปรียบเทียบและโต้แย้งเป็นข้อๆดังนี้
หนึ่ง การถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียว แต่เป็นเพราะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากคำตัดสินดังกล่าวไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการประมูลและทำสัญญาซื้อขายที่ดินเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร
"เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่า เธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น"
"สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่า มีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน"
"ผม ..รู้สึกนึกขัน ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย "
ข้อวิเคราะห์:พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะบอกว่า ถูกตัดสินจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดิน นอกจากนั้นไม่มีการฉ้อฉลหรือคอร์รัปชั่นในการซื้อขายที่ดินดังกล่าว คำตัดสินดังกล่าวจึงไร้เหตุผล
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯมีวัตถุประสงค์ทั้งใน"ป้องกัน" และ"ปราบปราม"การทุจริต ซึ่งเนื้อหาของกฎหมายในส่วนของการ"ป้องกันการทุจริต" เช่น การกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ห้ามกระทำที่ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม การห้ามการกระทำที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อผลประโยชน์ส่วนตัว
วิเคราะห์!! แถลงการณ์"ทักษิณอ้างตัวแทน ปชต."โจมตีคำตัดสินคุก 2 ปี "ไร้เหตุผล"หรือ"ถูกบิดเบือน"
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งรู้บทบัญญติในเรื่องนี้เป็นอย่างดี นอกจากจะไม่ห้ามปรามมิให้ภริยาซึ่งร่ำรวยมหาศาลซื้อที่ดินจากหน่วยงานของรัฐซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งแล้ว กลับสนับสนุนด้วยการลงนามยินยอมในเอกสาร เท่ากับจงใจฝ่าฝืนและกระทำผิดกฎหมายป้องกันการทุจริตอย่างชัดแจ้ง
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเลือกที่จะแจกแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษให้แก่สื่อมวลชนต่างประเทศในกรุงลอนดอนแทนที่จะแจกแถลงการณ์ผ่านสื่อมวลชนไทยเหมือนที่ผ่านมา
เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการฟ้องและโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทยต่อชาวโลกโดยเฉพาะศาลยุติธรรมว่า ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง หลังจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีจัดซื้อที่ดิน ถนนรัชดาภิเษกจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มูลค่า 772 ล้านบาท เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(1) และ 122 ซึ่งห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีซึ่งข้อห้ามดังกล่าวให้รวมถึงคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ 3-4 ประเด็นซึ่งจะขอวิเคราะห์เปรียบเทียบและโต้แย้งเป็นข้อๆดังนี้
หนึ่ง การถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียว แต่เป็นเพราะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากคำตัดสินดังกล่าวไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการประมูลและทำสัญญาซื้อขายที่ดินเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร
"เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่า เธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น"
"สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่า มีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน"
"ผม ..รู้สึกนึกขัน ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย "
ข้อวิเคราะห์:พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะบอกว่า ถูกตัดสินจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดิน นอกจากนั้นไม่มีการฉ้อฉลหรือคอร์รัปชั่นในการซื้อขายที่ดินดังกล่าว คำตัดสินดังกล่าวจึงไร้เหตุผล
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯมีวัตถุประสงค์ทั้งใน"ป้องกัน" และ"ปราบปราม"การทุจริต ซึ่งเนื้อหาของกฎหมายในส่วนของการ"ป้องกันการทุจริต" เช่น การกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ห้ามกระทำที่ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม การห้ามการกระทำที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อผลประโยชน์ส่วนตัว
มาตรา 100 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว เป็นบทบัญญัติห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนมีอำนาจกำกับดุแลอยู่ รวมถึงการห้ามเข้าไปเป็นหุ้นส่วน กรรมการ ที่ปรึกษา กรรมการผู้มีอำนาจจัดการ พนักงานในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในลักษณะเดียวกัน ก็เพื่อป้องกันการมีส่วนได้ส่วนเสีย การใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อผลประโยชน์ส่วนตัว
พูดง่ายๆก็คือ ป้องกันเพื่อมิให้มีการทุจริตเกิดขึ้นนั่นเอง
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2542 และมีการประกาศห้ามคณะรัฐมนตรีกระทำการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2543 ในสมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ์ 2544
ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมรู้กติกาหรือบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นแล้ว หลักการเรื่องการห้ามการมีส่วนได้ส่วนเสียของเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกบัญญัติในลักษณะดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเรื่องการทำคำสั่งทางปกครอง ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 รวมทั้งกฎหมายของประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศรวมทั้งประเทศอังกฤษด้วย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณร่ำเรียนมาถึง"ดอกเตอร์" ทางด้านอาชญวิทยา พูดไทยคำ อังกฤษคำน่าจะรู้ดี
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งรู้บทบัญญติในเรื่องนี้เป็นอย่างดี นอกจากจะไม่ห้ามปรามมิให้ภริยาซึ่งร่ำรวยมหาศาลซื้อที่ดินจากหน่วยงานของรัฐซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งแล้ว กลับสนับสนุนด้วยการลงนามยินยอมในเอกสาร เท่ากับจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับ เป็นการกระทำผิดกฎหมายป้องกันการทุจริตอย่างชัดแจ้ง
ดังนั้น การที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี จึงสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง
"จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมาย ไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน แต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ"
สอง นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำรายการโทรทัศน์
"ผมไม่ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่า เขาทำรายการโทรทัศน์"
ข้อวิเคราะห์: เห็นชัดว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างไร้ยางอาย เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 267 มีบทบัญญัติห้ามมิให้รัฐมนตรีดำรงตำแหน่งใดๆในบริษัทธุรกิจเอกชนหรตือองค์กรที่แสวงหากำไรรวมถึงการเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชนและบุคคลใดๆซึ่งมีเจตารมณ์ในลักษณะเดียวกับ มาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมฯูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
นายสมัครเองก็ทราบบทบัญญัติในเรื่องดังกล่าวดี แต่ยังจงใจฝ่าฝืน ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการจ้างจาก"รับจ้างแรงงาน"บริษัทเฟซ มีเดียมาเป็น"รับจ้างทำของ"
การที่นายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่ง จึงมิใช่เพราะทำรายการโทรทัศน์ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บิดเบือน เพราะถ้าเช่นนั้นจริง นายสมัครควรจะถูกขับพ้นจากตำแหน่งเพราะดันทุรังจัดรายการ"สนทนาประสาสมัคร"ทุกวันอาทิตย์มากกว่า
สาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของ บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนในประเทศของผม
ข้อวิเคราะห์: ในข้อนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นย่อย
ประเด็นแรก เรื่องการสมคบกันของบรรดาชนชั้นอภิสิทธิ์ แม้พ.ต.ท.ทักษิณมิได้ระบุว่า เป็นผู้ใดหรือกลุ่มใดอย่างชัดเจน แต่มีความพยายามโยงว่า มีอำนาจเหนือกระบวนการยุติธรรมรวมถึงศาลด้วย?
ถ้าศาลตกอยู่ภายใต้อำนาจของชนชั้นอภิสิทธิ์จริง แต่ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงใช้ศาลเป็นเครื่องมือต่อสู้ศัตรูทางการเมืองของตนในคดีหมิ่นประมาท โดยเฉพาะคดีที่มีผู้กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทุ่มเงินล้มสถาบันชั้นสูง
ประเด็นที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณอ้างตัวเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย นับเป็นข้ออ้างที่น่าหัวเราะปนสมเพชเป็นอย่างยิ่ง เพราะในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจนั้น มีการใช้ทั้งอำนาจทุนและอำนาจรัฐในการแทรกแซงและซื้อสื่อไว้ในกำมือ เช่น บริษัทในเครือชินวัตร ตัดโฆษณาสื่อที่เปิดโปงการกระทำมิชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สมุน พ.ต.ท.ทักษิณเที่ยวไล่เช็คบิลสื่อที่พยายามขุดคุ้ยการทุจริตในรัฐบาลทักษิณ
นอกจากนั้นลักษณะธุรกิจของครอบครัวชินวัตร ยังเป็นการผูกขาดตัดตอนจนสร้างความร่ำรวยมหาศาลให้แก่ตนเอง รวมถึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนเองและพวกพ้องยังไม่รวมถึงมีการทุจริตเลือกตั้งอย่างมโหฬาร อย่างนี้หรือที่เรียกว่า เป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย
สี่ โจมตีสื่อมวลชนไทย "ผมเชื่อว่า พวกคุณจะตรวจสอบข้อเท็จจริง(เกี่ยวกับการตัดสินคดีนี้)ที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าวมืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น "
ข้อวิเคราะห์: การที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่ทำตามคำบิดเบือนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพราะเห็นว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาชอบแล้ว
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณควรถามตัวเองและสมุนว่า ขณะที่สื่อไทยพยายามขุดคุ้ยการทุจริตในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ใครกันแน่ที่พยายามขัดขวางและปิดกั้นการทำงานของนักข่าวไทย
บทวิเคราะห์นี้ไม่มีบทสรุปใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กล้าเผชิญหน้ากลับความจริง นอกจากการบิดเบือนข้อเท็จจริงเหมือนกับที่ทำมาตลอดในช่วงเรืองอำนาจ
อ่านคำแถลงของทักษิณในภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก