วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฮิตเลอร์เคยถวายการต้อนรับรัชกาลที่7

.
.

เป็นภาพหายากมาก ผมเองก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่ควรเผยแพร่

-----------------------



นี่คือการเสด็จเยือนเยอรมัน ของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ล้นเกล้า ฯ ร.๗ ดังเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว เพราะภาพก็ปรากฎชัดเจน
แต่พอจะอ้างอิงได้ นอกเหนือจากภาพ นั่นคือ

...จดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป พ.ศ.๒๔๗๖ - ๒๔๗๗
ของพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ครับ ...

- การเสด็จพระราชดำเนินประพาสประเทศเยอรมนี มีรายละเอียดปรากฏอยู่
ในหนังสือเล่มดังกล่าว ในตอนที่ ๑๒ (ในประเทศเยอรมนี) พอสรุปได้ว่า

... ได้เสด็จไปถึงประเทศเยอรมนีโดยทางเรือจากประเทศเดนมาร์ก ถึงท่า
เรือเมืองแฮมเบิคในวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ...

... และในวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๗๗ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยม
ประธานาธิบดี ฟอน หิน เดนบูร์ค (Paul von Hindenburg ๑๘๔๗ - ๑๙๓๔
ประธานาธิบดีเยอรมนี ระหว่าง ๑๙๒๕ - ๑๙๓๔) ผู้ชรามีอายุถึง ๘๗ ปี
เพราะแพทย์ไม่ยอมให้มา เฝ้าที่กรุงเบอร์ลิน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า
อยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ จึงเสด็จไปเยี่ยมประธานาธิบดี ณ
คฤหาสน์ที่เมืองเนยเดก ...

... และในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๗๗ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสนทนากับ
ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมัน (Adolf Hitler ๑๘๘๙-๑๙๔๕ นายกรัฐมนตรีหรือ
Chancellor ต่อมาเมื่อประธานาธิบดีถึงแก่อสัญกรรม ในเดือนสิงหาคม
๑๙๓๔ (๒๔๗๗) จึงรวมตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีเป็น (Der
Fuhrer) ณ ศาลาว่าการนายกรัฐมนตรี

จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมชมกิจการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
อาทิ โรงไฟฟ้าของกรุงเบอร์ลิน โรงวิทยาศาสตร์และโรงผสมยาของบริษัท
เชอลิง ฆาห์ลโบม โรงงานกลั่นน้ำมันเบนซิน จากผงถ่านศิลาอ่อนที่เมือง
เลอร์นา หอสอนดาราศาสตร์หรือที่รู้จักกันว่าท้องฟ้าจำลอง ซึ่งเครื่องฉาย
ดาวในเวลานั้น ทั้งโลกมีอยู่เพียง ๗ แห่ง เป็นต้น อันแสดงถึงความสนพระ
ราชหฤทัยในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างดี

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระบรมราชินี ณ ศาลาไทยเมืองบาดฮอมบวร์ก

... ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ เสด็จไปถึงเมืองแฟรงก์เฟิร์ต
บนแม่น้ำเมน เมื่อเวลา ๑๖.๑๕ นาฬิกา ประทับที่โฮเต็ลแฟรงเฟอร์เตอ
ฮอฟ สถานที่เดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับ
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๐ (คศ.๑๙๐๗) ...

... และในวันรุ่งขึ้น (วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗) เวลา ๑๑
นาฬิกาเศษ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์ไปยังเมืองบาดฮอมบวร์ก
(ซึ่งในจดหมายเหตุเรียกว่าเมืองฮอมเบิค) ระหว่างทางหยุดทอดพระเนตร
การแข่งขันรถยนต์ทางไกล ๒,๐๐๐ กิโลเมตร เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถ
ยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ ในประเทศเยอรมนีโดยแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ รถขนาด
ใหญ่และขนาดเล็ก ...

- รายละเอียดของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองบาดฮอมบวร์ก หนังสือ
จดหมายเหตุได้บันทึกรายละเอียดไว้อย่างละเอียด รวมถึงที่มาของแผ่นป้าย
โลหะจารึกพระบรมนามาภิไธยของล้นเกล้าทั้ง ๒ พระองค์ความว่า

“เวลาเที่ยงเศษ เสด็จถึงศาลาเริง (Kur Haus) เมืองฮอมเบิค ท่านหาร์ต พ่อ
เมือง (Ober Burgomeister Hardt) กับนายหอฟเนอร์ (Herr Hofner) ผู้
จัดการศาลาเริง และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เชิญเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร
ศาลาไทยรูปพลับพลา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้นายช่างสร้างขึ้นและปิดทองตบแต่งในกรุงเทพฯ และส่ง
ออกมาคุมขึ้นที่นี่ประมาณ ๒๕ ปีมาแล้ว ยังคงงดงามดีมากดูเป็นสง่าแก่
สถานที่ มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง

และเพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนิน ครั้งนี้ ท่านปรินศ วุลฟคาง
คฤหบดีผู้ใหญ่ (Leader) ของเมืองฮอมเบิค ได้ทำป้ายโลหะแผ่นใหญ่จารึก
พระบรมนามาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนาง
เจ้าฯ พระบรมราชินีตรึกติดไว้ที่กำแพงแก้วล้อมศาลา

จากที่นี้เสด็จไปเสวยน้ำแร่ที่บ่อจุฬาลงกรณ์ และเสด็จพระราชดำเนินไปใน
สวนอันงาม และทรงซื้อของที่ระลึก แล้วมาประทับเสวยพระกระยาหารกลาง
วันในศาลาเริง เจ้าหน้าที่ถวายสมุดรูปต่าง ๆ ซึ่งถวายไว้เมื่อครั้ง พระบาท
สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จมาประพาส พร้อมทั้งรูปศาลาไทยและอื่น ๆ
เป็นที่ระลึก”๒๓

- อนึ่ง ความสนพระราชหฤทัยในการรักษาสุขภาพด้วยน้ำหรือ Spa ยัง
ปรากฏให้เห็นในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสประเทศเชโกสโลวาเกีย

ในระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ถึง ๗ สิงหาคม ๒๔๗๗ ซึ่งในวันที่ ๓๑
กรกฎาคม ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองการ์ลสบาด (Karlsbad) ซึ่งเป็น
เมืองที่มีน้ำแร่คุณภาพสูง มีห้องอาบน้ำแร่ แก้โรคต่าง ๆ ตามแต่แพทย์จะ
แนะนำโดยจดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปได้กล่าวถึง
คุณวิเศษของ "วารีบำบัด" ที่เมืองนี้ ความว่า

"น้ำแร่ที่นี่แก้โรคต่าง ๆ ได้ คือ โรคลำไส้ โรคเรื้อรังภายใน เนื่องจากรื้อไข้
หรือ อ่อนเพลียจากการตัดผ่าอย่างใหญ่ โรคที่เกี่ยวกับตับ ปอด ม้าม และ
ไต โรคเรื้อรังซึ่งเคยป่วยมาจากประเทศร้อน…และอื่น ๆ อีกเป็นอันมาก ฟัง
เขาอธิบายแล้วดูเหมือนว่าจะไม่มีโรคชะนิดไรในโลก ที่น้ำแร่ที่ตำบลนี้จะ
รักษาไม่ได้" นอกจากนั้น พุ สะปรูเดล (Sprudel Spring) ซึ่งเป็นบ่อน้ำบ่อ
ใหญ่ที่สุดของเมือง น้ำร้อนจากบ่อน้ำนี้ (๗๒ ดีกรีเซนติเกรด) ยังใช้ดื่มเพื่อ
ผลทางสุขภาพอีกด้วย

-จดหมายเหตุฯ ยังบันทึกไว้อีกว่า เคอเธ (Goethe, Johann Wolfgang von
(๑๗๔๙ - ๑๘๓๒)) นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงของเยอรมนีเป็นผู้หนึ่งที่มา
รักษาตัวที่เมืองนี้ ถึงสิบสามครั้งมีความเห็นว่า "เพราะเหตุที่ได้อาบน้ำและ
กินน้ำที่นี่ ข้าพเจ้าจึงได้ความสุขกายอะโข"๒๔ การบันทึกเหล่านี้ในอีกนัย
หนึ่งย่อมเป็นการสะท้อนถึงพระราชนิยมและความสนพระราชหฤทัยของพระ
บาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยน้ำแร่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ณ ศาลาไทย เมืองบาดฮอมบวร์ก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓

- ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถได้เสด็จ เยือนทวีปยุโรป ๕ ประเทศ คือ อังกฤษ
เยอรมนี โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ และเดนมาร์ก

ในระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๓

โดยเป็นการเสด็จพระราชดำเนินต่อเนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือน

สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ได้เสด็จพระราชดำเนินถึงประเทศเยอรมนี (เยอรมนี
ตะวันตก) เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๓ โดยเสด็จฯ ทาง
รถไฟพิเศษ ซึ่งรัฐบาลเยอรมันจัดถวาย ในการนี้ ประธานาธิบดีลึบเค่
(Heinrich Lubke ๑๘๙๔ - ๑๙๗๒ ประธานาธิบดีเยอรมนี ๑๙๕๙ - ๑๙๖๙
หรือพ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๑๒) และนายกรัฐมนตรี อาเดเนาว์ (Konrad
Adenauer ๑๘๗๖ - ๑๙๗๖ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ๑๙๔๙ - ๑๙๖๓ หรือ
พ.ศ. ๒๔๙๒ - ๒๕๐๖) มารับเสด็จที่สถานีรถไฟกรุงบอนน์ เมืองหลวงของ
เยอรมนี (ตะวันตก) ในขณะนั้น

ในการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรเทคโนโลยี และวิทยาการสมัยใหม่
ของประเทศเยอรมนีเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ
เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็กของโรงงา
นบริษัทกรุปป์ในเมืองโบคุม โรงงานผลิตกล้องจุลทรรศน์และกล้องถ่ายรูป
ของบริษัทเอิร์นสต์ไลต์ซ เป็นต้น
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก โอเคเนชั่น
.
.


วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ล้วงชีวิต เสธ.แดง

"
"

ถ้าไม่นับเรื่องความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน หรือความโหดร้ายเรื่องการเห็นชีวิตคนไทยที่มีความเห็นแตกต่างกันไร้ค่า จนถึงกับพูดเรื่องการฆ่าคนไทยด้วยกันของเสธ.แดงอย่างสนุกปากแล้ว

ผมก็ชอบฟังเสธ.แดงพูด เพราะแกฮาดีครับ

(เสธ.แดงคือผู้ทีบอกคดีคาร์บอมส์ลอบสังหารทักษิณเป็นคดีคาร์บองส์กำมะลอ แต่ตอนนี้ไปรับใช้ทักษิณแล้ว เช่นเดียวกับพลเอกพัลลภก็เคยถูกใส่ร้ายจากทักษิณว่าเป็นคนสั่งการลอบสังหารทักษิณด้วยคาร์บอมส์ ก็ไปรับใช้ทักษิณแล้วเช่นกัน ฮา!!)

ทีนี้รายการกฤษณะล้วงลูก(เนชั่น) ล้วงชีวิตเสธแดงอีกครั้ง

แบบไม่เถื่อนไม่ถ่อยเหมือนที่เสธแดงชอบให้สัมภาษณ์ในทีวีเสื้อแดง แต่ก็ยังฮาเหมือนเดิม!


กดขยายจอได้


------------------------------


แถมด้วย


อริสมันต์ปลุกระดมให้เสื้อแดงพกน้ำมันเบนซินใส่ขวดบุกกรุง

อ่านเสธ.แดงอมเงินทักษิณรึเปล่า??
.
.