วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555
อ่านขาด!! เมื่อทักษิณแอ๊บมีความสุข!!
บทความต่อไปนี้ ถือว่า อ่านทักษิณขาดเลยครับ จากกรณีที่ทักษิณไปเขมรและลาว ในสงกรานต์ที่ผ่านมา
“ทักษิณ” บ้าไปแล้ว
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ข่าวที่ได้รับความสนใจนอกเหนือจากการเฉลิมฉลองแล้ว ก็คงเป็นข่าวความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมาเตร็ดเตร่ชายแดนประเทศไทย โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา
การเดินทางไปให้กำลังใจคนเสื้อแดง หรือการเดินทางเพื่อมาขอกำลังใจจากมวลชนเสื้อแดงของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยสื่อเสื้อแดงมีการถ่ายทอดสดมาจากเขมร
คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ แยกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มคนที่รัก หลง และงมงาย จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้กลับประเทศไทย อยากจะสวมกอด ดูข่าวไปแทบน้ำตาไหล
ส่วนคนที่เกลียด ดูข่าวแล้วอาจรู้สึกหมั่นไส้ หรือแช่งชักหักกระดูกกันไปตามเรื่องตามราว
คงไม่ต้องบรรยายในรายละเอียดว่าคนที่รักและคนที่เกลียด มีความรู้สึกตรงกันอย่างไร สำหรับการเดินทางมาเรียบเคียงประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มุมมองบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงสงกรานต์ ไม่ได้มีเฉพาะคนที่รักสุดลิ่มทิ่มประตูและคนเกลียดเข้าไส้เท่านั้น
เพราะยังมีมุมมองของคนที่ไม่ได้รักและไม่ได้เกลียด ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนกัน
หลังสงกรานต์ได้คุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณในบางจุด และไม่ชื่นชอบในบางจุด
นักธุรกิจรายนี้ถ่ายทอดความรู้สึกถึงการเดินทางมาฉลองสงกรานต์ของพ.ต.ท.ทักษิณที่เขมรให้ฟัง ในแง่มุมที่แตกต่าง
ประเด็นแรก คือ พ.ต.ท.ทักษิณอ้วนขึ้น หน้าอวบอูม แสดงว่าอยู่ดีกินดี แต่ชีวิตที่ร่อนเร่พเนจรมีความสุขหรือไม่ ประเมินไม่ได้
ประเด็นที่สอง เรื่องการครวญเพลงกล่อมคนเสื้อแดง นักธุรกิจรายนี้ไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำได้อย่างไร เพราะร้องเพลงไม่ได้เรื่อง แต่ไม่อายที่จะร้อง ซึ่งอาจเป็นเพราะเหงามานาน เนื่องจากต้องอยู่อย่างเดียวดายในต่างประเทศ แม้จะพบปะผู้คนบ้าง แต่ในหลายห้วงเวลาก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องว้าเหว่
เมื่อเห็นมวลชนคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมเกณท์กันไป จึงเกิดอารมณ์ฮึกเหิม และร้องเพลงเพื่อระบายความอัดอั้น
ประเด็นที่สาม การใช้วาจาสามห้าวด่ากราด ใครคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ช่างหัวแม่มัน ใครไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดอง ช่างหัวแม่มัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งสะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจต้องเก็บกดอย่างหนัก อยากกลับเมืองไทยใจจะขาดอยู่แล้ว จึงแสดงความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง สำหรับใครก็ตามที่บังอาจขวางทางการล้างมลทินให้ตัวเอง
และโกรธจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมา เก็บกดจนระเบิดคำพูดเถื่อนถ่อยออกมา ไม่เหลือสกุลความเป็นผู้ดีแม้แต่น้อย นอกจากนั้นยังแสดงความยโสโอหังเต็มที่เหมือนประเทศไทยไม่มีใครอยู่ในสายตา
เหมือนแผ่นดินประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณเหยียบไว้อยู่ใต้บาทาแล้ว
ประเด็นที่สี่ นักธุรกิจรายนี้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดสง่าราศี หมดราคาไปเยอะ เพราะแม้จะอยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนมากมาย แต่คนที่แวดล้อม ไม่รู้เป็นตัวอะไรกันบ้าง มีแต่พวกไม่มีต้นทุนทางสังคม มีแต่พวกประจบสอพลอ มีแต่พวกห้อยโหนกระแส และหวังแต่ตักตวงผลประโยชน์ทั้งนั้น
ถ้ามาทัวร์สงกรานต์เพื่ออยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนที่ไม่มีราคา อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่หน้าตาเหมือนฝูงโจร พ.ต.ท.ทักษิณอย่ากลับมาเสียดีกว่า เพราะแทนที่จะได้ภาพ กลับเสียภาพ เนื่องจากมีแต่ลูกสมุนชั้นปลายแถวเท่านั้นที่ตามไปประจบสอพลอ
ประการสุดท้าย ที่นักธุรกิจรายนี้ตั้งคำถามไว้ พ.ต.ท.ทักษิณรู้ตัวหรือไม่ว่า กำลังทำอะไรลงไป จะมีใครเตือนพ.ต.ท.ทักษิณให้รู้ตัวหรือไม่ว่า
การร่อนเร่พเนจรทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรครั้งนี้ กำลังทำให้บารมีของพ.ต.ท.ทักษิณตกต่ำลง
สำหรับมวลชนคนเสื้อแดงที่หัวปักหัวปรำอุตส่าห์ลงทุนเดินทางข้ามประเทศไปต้อนรับ ย่อมรู้สึกว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นขวัญใจ เช่นเดียวกับลูกสมุนที่เดินทางไปเสนอหน้า เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องแห่ไปประจบสอพลอ ต้องเข้าไปช่วยยกหางเจ้านาย หรือบางคนลงทุนคลานสี่ขากราบไหว้คารวะ
เพราะคนไม่มีต้นทุนทางสังคมเหล่านี้ มีที่ยืนในแผ่นดินได้เพราะอาศัยเกาะแข็งเกาะขาพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
แต่สำหรับคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกลียดและไม่ได้ชอบ ความเคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณแบกภาพลบกลับไปดูไบ
ทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรทำให้พ.ต.ท.ทักษิณดูเป็นตัวตลก เป็นคนน่าสมเพช มีความกักขฬะมากขึ้น และกำลังหลงตัวเองอย่างหนัก!!
คนสติดีๆ และกำลังคิดการใหญ่ คิดล้างมลทินให้ตัวเอง คงไม่ทำตัวให้น่าหมั่นไส้ และคงไม่ท้าทายกระแสต่อต้านที่กำลังลุกโชนแน่
นักธุรกิจรายนี้สรุปว่า “ทักษิณ” อาจจะว้าเหว่จนเสียสติ หรือไม่ก็อยากกลับบ้านจนเกิดความฟุ้งซ่าน และบ้าไปเสียแล้ว
ถ้าประมวลพฤติกรรมในช่วงสงกรานต์ ไม่ว่าจะร้องรำทำเพลง หรือการใช้วาจาสามหาว อะไรๆ ก็ช่างหัวแม่มัน มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า “ทักษิณ” บ้าไปแล้วจริงๆ
โดย สุนันท์ ศรีจันทรา
http://astv.mobi/ADIjhY4
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555
แม้แต่รายการจากvoice tv ยังแฉปตท.โกงคนไทย!!
ผมเคยลงคลิป และบทความจากสื่อทางฝั่งastv เกี่ยวกับปตท.ได้ขูดรีดคนไทย ปล้นพลังงานของคนไทยเพื่อเสวยสุขในพรรคพวกตนเอง
แต่ทีนี้คนที่เป็นเสื้อแดง ก็อาจจะไม่เชื่อข้อมูล เพราะเป็นสื่อฝ่ายตรงข้ามเสื้อแดง
วันนี้ ผมได้นำคลิปจากรายการ intelligence ของนายจอม เพชร ประดับ ทางvoice tv มาเสนอกันบ้าง ว่า คนไทยเราโดนปตท.ขูดรีดอย่างไร
ความเป็นจริง ไทยเราเป็นเศรษฐีน้ำมัน มีน้ำมันมากกว่าบรูไนด้วยซ้ำ แต่คนไทยเรากลับซื้อน้ำมันแพงกว่าราคาตลาดโลก
หลายคนอาจอ้างว่าถ้าน้ำมันถูกคนไทยจะใช้น้ำมันเปลือง รถจะติดมากขึ้น นั่นคือข้ออ้างที่โหลยโท่ยมาก เหมือนกับการที่รัฐอ้างเก็บภาษีรถยนต์แพงๆ จนรถประเทศไทยแพงกว่าที่อเมริกา รัฐคิดว่าถ้าเก็บภาษีรถแพง คนไทยจะซื้อรถน้อยลง แล้วเป็นไงล่ะ? น้อยลงมั้ย?
เปรียบเสมือนกับไทยเราผลิตข้าวได้เอง เช่นข้าวหอมมะลิถุง5กิโลขายในไทยราคา200บาท แต่ถ้าใช้แนวคิดแบบปตท. คนไทยก็ต้องกินข้าวราคาเท่าตลาดโลกคือ 5กิโล 500บาท นั่นเอง
ที่สำคัญ นักวิชาการในคลิปนี้ บอกว่า ราคาน้ำมันไทยแพงกว่าราคาอิงสิงคโปร์2เท่าไปแล้ว!!
หมายเหตุ การจูงใจให้บริษัทขุดเจาะและโรงกลั่นน้ำมันต่างชาติมาลงทุนในช่วงยุคพลเอกเปรม ได้มีการจูงใจด้วยการเก็บค่าภาคหลวงถูก และให้กำหนดราคาอิงสิงคโปร์ เพื่อจูงใจนักลงทุน
แต่เมื่อบริษัทน้ำมันต่างชาติคืนทุนหมดแล้ว แถมปตท.คุมโรงกลั่นแทบทั้งหมดแล้ว แต่ไม่มีรัฐบาลไหนแก้ไขค่าภาคหลวงให้เป็นธรรมเพื่อชาติเลย ผลประโยชน์ที่ชาติควรได้รับกลับน้อยนิด ทำให้บริษัทน้ำมันต่างได้ผลประโยชน์มากเกินควร!!
ถึงแม้จะอ้างว่ารัฐถือหุ้นครึ่งนึงก็ตาม แต่อย่าลืมว่า กำไรที่แบ่งให้รัฐ ต้องหักจากค่าประกอบการแล้ว เมื่อปตท.กำไรมาก มันก็ไปให้เงินเดือนผู้บริหารมาก ให้เงินค่าประชุม ค่าตำแหน่งแก่คณะกรรมการสูงๆ รวมทั้งเงินเดือนและโอทีพนักงานที่สูงด้วย
ฉะนั้น พวกผู้บริหารปตท. และพนักงานปตท. จึงเสวยสุขบนความทุกข์ของคนไทยนั่นเอง
akecity
-----------------------
“พลังงาน” ความยั่งยืนบนผลประโยชน์ของประชาชน
รายการ Intelligence ประจำวันที่ 6 ม.ค. 2555
ประเทศไทยผลิตน้ำมันได้มากกว่าบรูไน ทำไมยังต้องใช้น้ำมันแพง ชัยนิรันดร์ พยอมแย้ม แกนนำเครือข่ายพลังงาน สภาพัฒนาการเมือง, วินัย เสวกวิ, รัฐเขต แจ้งจำรัส นักวิชาการเครือข่ายพลังงาน เปิดตัวเลขให้เห็นว่าประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบได้วันละ 35 ล้านลิตร ก๊าซธรรมชาติ 7.8 แสนล้านลิตร มากกว่าบรูไนมาหลายปี
แต่ประชาชนกลับต้องใช้น้ำมันแพง สาเหตุเพราะสัมปทานไม่เป็นธรรม โครงสร้างราคาแพงเกินจริง และการเก็บภาษีซ้ำซ้อน สัมปทานน้ำมันที่ให้กับบริษัทต่างชาติตั้งแต่ปี 2524 เก็บค่าภาคหลวงเพียง 12.5% ขณะที่อัตราทั่วโลก อยู่ที่ 40-50% ทำให้ประเทศมีรายได้จากค่าภาคหลวงเพียง 5 หมื่นล้านบาท แทนที่จะได้ปีละ 2-3 แสนล้าน
นอกจากนี้ยังมีปัญหา ปตท.คิดราคาน้ำมันโดยอิงตลาดสิงคโปร์ รวมค่าขนส่งทางเรือ ค่าประภันภัย ซึ่งเป็นต้นทุนเทียม
แม้แต่ราคาก๊าซธรรมชาติก็เป็นต้นทุนเทียม ขณะที่อัตราภาษีน้ำมันในปัจจุบัน แม้ยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแล้ว ก็ยังสูงกว่ารัฐบาลทักษิณ1 ถึงสองเท่า และกลายเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจ
http://shows.voicetv.co.th/intelligence/27150.html
---------------------------------------
ข้อสังเกต มีการแขวะนิดนึงว่า ยุคปชป. ภาษีแพงขึ้นกว่ายุครัฐบาลทักษิณ1 ซึ่งถ้าเราไม่ตามข้อมูลดีๆ อาจเขวว่ายุคทักษิณดี ยุคปชป.แพง (ทุกครั้งที่ปรับคณะรมต. จะเปลี่ยนตัวเลข เช่นตอนนี้เป็นยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์2 คือยิ่งลักษณ์ได้ปรับคณะรมต.เป็นครั้งที่2แล้ว)
แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลกลับไม่ได้ควบคุมปตท.เลย คนของรัฐที่ส่งไปก็ไปเสวยสุขกับค่าประชุมแพงๆ แทนที่จะช่วยประชาชน
คนที่ควบคุมปตท.ได้ คือผู้ถือหุ้นต่างหาก โดยเฉพาะผู้ที่พาปตท.เข้าตลาดหุ้น คนๆนี้แหล่ะ อยู่เบื้องหลังการขูดรีดของปตท.ตัวจริง เพราะมันแบ่งหุ้นให้พวกพ้อง ให้นอมินีต่างชาติถือแทน โดยที่คนไทยที่ไปเข้าแถวรอซื้อหุ้นปตท. กลับซื้อไม่ได้สักราย
ถามว่า แล้วยุคใครล่ะ ที่มันเจือกแปรรูปปตท. ??
คนที่รู้ดีที่สุดและเป็นธรรม ว่าปตท.เลวแค่ไหน และไม่ใส่ร้ายใคร ต้องถามสว.รสนา โตสิตระกูล!!
(หมายเหตุ ความจริงโครงสร้างราคาน้ำมันและภาษีเป็นธรรมมาตลอดจนถึงยุคทักษิณ1 แต่หลังจากยุคทักษิณ2 มีการแปรรูป โครงสร้างราคาน้ำมันและภาษีกลับไม่เป็นธรรมต่อประชาชนเป็นต้นมา ภาระภาษีประชาชนรับเต็มๆ ส่วนกำไรปตท.ก็รับเละกว่าเดิม)
คลิกอ่าน บริษัทปตท. คือโจรปล้นชาติ
พวกมันอวยกันเอง กินกันเอง ตามสันดานนายทุนขูดรีด!!
วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555
บริษัทปตท. คือโจรปล้นชาติ
ผู้เชี่ยวชาญชำแหละโจรปล้นพลังงาน ชี้ชัดไทยส่งออกรายใหญ่แต่คนในชาติกลับจ่ายแพงสุด
"มล.กรกสิวัฒน์" เปิดหลักฐาน ไทยมีแหล่งพลังงานจำนวนมหาศาล ผลิตก๊าซธรรมชาติติดอันดับ 24 ของโลก แซงหน้าหลายประเทศในเอเปค แต่คนในชาติกลับต้องใช้น้ำมันแพงกว่าประเทศอื่น ซัดอย่าอ้างราคาตลาดโลก เพราะถูกลงจากปี 51 มาก แต่ขายหน้าปั๊มกลับไม่ต่าง จี้แก้กฎหมาย เปิดแข่งเสรี - เพิ่มส่วนแบ่งรายได้เข้ารัฐ ด้าน "ผศ.ประสาท" แฉปตท.โกง 2 ต่อ ปล้นค่าภาคหลวง ชี้คนไทยกำลังถูกล้างสมองให้เชื่อง
วันที่ 4 เม.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และ ผศ.ประสาท มีแต้ม นักวิชาการด้านพลังงาน ร่วมเปิดโปงขบวนการปล้นน้ำมันและพลังงานชาติ ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ
มล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า อยากฝากถึงรัฐบาล ตนไม่ได้มีหน้าที่มาหาคนผิดในเรื่องนี้ แต่อยากหาคนมาทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ประเด็นที่ถกเถียงกันมากคือ ประเทศไทยมีพลังงานหรือเปล่า โดยมล.กรกสิวัฒน์ ได้แจงเป็นเป็นประเด็นๆ พร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ดังนี้
- จากข่าวปีที่แล้ว รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันเป็นอธิบดีแล้ว ท่านบอกว่าในอีสานมีก๊าซธรรมชาติสูงมาก และศักยภาพอาจจะมีมากกว่าซาอุดิอาระเบียด้วยซ้ำ อีสานมีพื้นที่ทั้งหมดราว 1.7 แสนตร.กม.เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมถึง 1 แสนตร.กม. จำนวนน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่น้ำพอง(ขอนแก่น) และภูฮ่อม (อุดร) ที่มีการขุดอยู่แล้วทุกวันนี้ แต่ละวันมีก๊าซขึ้นมา ถึง 2.67 ล้านลิตร หรือเกือบ 1 พันล้านลิตรต่อปี
ข่าวพบบ่อน้ำมันที่ทุ่งกุลาร้องไห้ เมื่อมกราคมที่ผ่านมา ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มแตกกันแล้ว บางกลุ่มอยากให้ขุดเจาะ เพราะถูกหลอกว่าถ้าเอาขึ้นมาจะได้ใช้น้ำมันถูกลง แต่จริงๆแล้วน้ำมันที่ขุดได้ก็ต้องส่งไปที่โรงกลั่น ซึ่งพอโรงกลั่นขายกลับมาก็ขายให้เท่ากับราคานำเข้า บางกลุ่มไม่อยากให้ขุดเจาะเพราะเห็นแล้วว่าชาวบ้านที่น้ำพองไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเลย บางคนก็ต้องการขายพื้นที่ให้ได้ราคา แต่ความจริงในการขุดเจาะไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อชาวบ้านจึงสำคัญ จะทำให้ความขัดแย้งน้อยลง ที่สำคัญต้องบอกด้วยว่าคนอีสานจะได้อะไรจากการขุดเจาะ
- แอ่งสะสมตะกอนอินทรีย์ที่สามารถขุดเจาะเป็นปิโตรเลียมได้ ภาคเหนือ - อีสาน เต็มไปด้วยแอ่งนี้ สุโขทัย กำแพงเพชร มีแอ่งที่ใหญ่มาก แต่เอกสารนี้กลับมีแต่ระบุเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเอาไปเสนอให้ต่างชาติเข้ามาทำการสำรวจ ซึ่งในต่างประเทศจะเปิดเผยในภาษาท้องถิ่นให้คนรับทราบว่าท่านมีทรัพย์สมบัติอะไร เปิดเว็บให้คนเข้ามาเขียนแสดงความคิดเห็นด้วย
- ภาพแปลงพื้นที่ที่ให้คนเข้ามาประมูลขุดเจาะน้ำมัน จะเห็นว่ามีแปลงสัมปทานอยู่ทั่วอีสาน แต่วันนี้คนอีสานทราบหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ ในแง่ธรรมาภิบาล รํฐควรแจ้งให้ประชาชนทราบ หรือแม้แต่คนไทยทุกคนควรรู้ว่าเกิดไรขึ้น อย่างเวลาเห็นการสำรวจปิโตรเลียม ชาวบ้านยังคิดว่ามาขุดถนนเลย
- อันดับโลกที่อเมริกาจัดอันดับให้ไทย ของ EIA(Energy Information Administration) ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก ในการผลิตก๊าซธรรมชาติ เราชนะประเทศในกลุ่มโอเปก อย่างไนจีเรีย เวเนซุเอล่า ลิเบีย คูเวต อิรัก บรูไน โบลิเวีย ตรงนี้กระทรวงพลังงานมักพูดว่าแต่ใต้ดินเรามีน้อย ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าใต้ดินจะมีเยอะหรือน้อย นอกจากจะทำการขุดเจาะ แต่กระทรวงพลังงานบอกว่าจะไม่ทำเอง เพราะไม่มีงบประมาณ แต่ตนคิดว่าแบ่งงบมาทำตรงนี้สักนิดจะมีประโยชน์มหาศาล อันดับเราไม่ได้ขี้เหร่ นี่คือปริมาณปิโตรเลียมที่ขึ้นมาต่อวัน จับต้องได้จริง ส่วนที่อยู่ในดิน เมื่อ 20 ปีก่อน ก็บอกว่าเหลือใช้ได้อีก 25 - 30 ปี ถึงตอนนี้ก็ยังบอกว่าเหลือใช้อีก 25 - 30 ปี เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ความลึก แล้วก็แปลงพื้นที่ที่เปิดให้สำรวจด้วย
- ข้อมูลจาก CIA (Cental Intelligence Agency)The World Factbook ระบุว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 25 ของโลกในการผลิตก๊าซธรรมชาติ
- เอกสารของกระทรวงพลังงานเอง เมื่อมกราคม 2555 ระบุว่าไทยขุดเจาะปิโตรเลียมได้แล้ววันละเกือบ 9 แสนบาร์เรล หรือประมาณ 142 ล้านลิตร แบบนี้จะบอกไม่มีไม่ได้
- แหล่งพลังงานบนบกมีทั่วประเทศ ที่ใหญ่ๆ เช่น กำแพงเพชรขุดขึ้นมาวันละ 54 ล้านลิตร หรือปีละ 2 พันล้านลิตร เพชรบูรณ์วันละ 2.5 แสนลิตร สุพรรณบุรี 2.5 แสนลิตร เชียงใหม่เกือบ 1.7 แสนลิตร ส่วนในทะเล แหล่งใหญ่ๆอย่างบงกชขุดขึ้นมาวันละ 28 ล้านลิตร
มล.กรกสิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประโยชน์ของปิโตรเลียม แบ่งเป็น 3 ตัวด้วยกัน คือ ค่าภาคหลวง ส่วนแบ่งกำไร และภาษี ทุกประเทศมีส่วนแบ่งกำไรเหมือนกันหมด แต่ไทยไม่เก็บตรงนี้ ค่าภาคหลวงจะใกล้เคียงกัน ส่วนภาษีจากกำไร พม่า 30% กัมพูชา 30% ไทย 50% แต่จริงๆแล้วอย่าดูแยกส่วน ต้องดู 3 ตัวรวมกัน อยากให้ดูว่าสิ่งที่รัฐได้รับสุทธิกับการเอาทรัพยากรออกไปจากแผ่นดิน จะเห็นว่าเราแตกต่างจากกัมพูชาและพม่า เพราะเมื่อหักโน่นหักนี่แล้วของไทยได้จริงแค่ 29%
ดูที่ประเทศอื่น อย่างโบลีเวียเอา 82 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากก๊าซธรรมชาติ โดยโบลิเวียผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในอันดับ 33 ของโลก คาซัคสถาน ได้ส่วนแบ่ง 80 เปอรเซ็นต์ของปริมาณน้ำมันที่ขุดเจาะได้ อาบูดาบี แบ่งกำไรให้บริษัทขุดเจาะไม่เกิน 1 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล รัสเซีย 90 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในส่วนที่ราคาน้ำมันสูงกว่า 25 ดอลลาร์ฯ ซึ่งมันเกินอยู่แล้ว
"อีโว โมลาเลส" ประธานาธิบดีโบลีเวีย ได้พูดถึงเกี่ยวกับการบริหารปิโตรเลียมของประเทศ หลังจากเปลี่ยนการเก็บรายได้เข้ารัฐจากเดิม 50 - 50 มาเป็นเก็บ 82 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลเดิมได้รายได้ 3 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มมาเป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ประเทศเกินดุล ก้าวหน้าไปมาก
ต้องบอกว่าหลังน้ำมันราคาเพิ่ม ทุกประเทศแก้กฎหมายให้เอาเงินเข้ารัฐมากขึ้น แต่ประเทศไทยไม่มีเลย ทำไม่ได้หรือ เพื่อผลประโยชน์จะได้ตกกับประเทศเพิ่มขึ้น พม่ามาหลังเรา แต่ส่วนแบ่งเข้ารัฐได้มากกว่า เขมรก็ได้มากกว่า แล้วเขมรมีแหล่งขุดเจาะแห่งเดียวกับไทย คืออ่าวไทย จะมาอ้างว่าไทยขุดเจาะยากได้อย่างไร" มล.กรกสิวัฒน์ ระบุ
มล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตัวเลขเมื่อปี 2551 ไทยส่งออกปิโตรเลียม ทั้งน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว รวมทั้งหมดเกือบ 3 แสนล้านบาท หรือประมาณ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าข้าวและยางพารา อย่างไรก็ดีมีคนโต้แย้งว่า ปี 2554 ยางพาราแซงแล้ว แต่ประเด็นตนไม่ได้เถียงเรื่องอันดับ แต่ประเด็นคือหลายคนยังไม่รู้เลยว่าเราส่งออกปิโตรเลียม
แล้วใครเป็นผู้นำเข้าน้ำมันจากไทย ในเว็บของ Census Bureau (www.census.gov)เป็นหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่อเมริกา ก็มีตัวเลขชัดเจน ระบุว่า สหรัฐนำเข้าจากประเทศไทย ทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป LPG เพิ่มขึ้นมาตลอด น้ำมันดิบมากถึงประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีรายงานปี 2012 สหรัฐฯนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศไทยสูงถึง 1,204 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันในประเทศ ที่รัฐบาลพูดว่าเพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่ม ช่วงสั้นเพิ่มขึ้นจริง แต่ขณะนี้เมื่อเทียบกับปี 2551 ตอนนั้นราคาตลาดโลกสูงไปถึง 145 เหรียญสหรัฐ แต่วันนี้อยู่ที่ 103.69 เหรียญสหรัฐ หรือก็คือประมาณ 20 บาท ต่อลิตรเท่านั้นเอง
เปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ปี 51 กับปัจจุบัน ของเวสต์เท็กซัส ตอนปี 51 (145 ดอลลาร์ฯ) ปี 55 (105 ดอลลาร์ฯ) เบรนท์ทะเลเหนือตอนนี้อยู่ที่ 120 ดอลลาร์ฯ ก็ประมาณ 23 บาท แต่ขายให้เราราคาหน้าปั๊ม 42-43 บาท
ต้นทุนน้ำมันดิบ ปี 51 อยู่ที่ 30.03 บาทต่อลิตร ขายเบนซิน 91 ราคาหน้าปั๊มที่ 42.5 บาทเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันดิบ 20.14 บาท ถูกกว่าประมาณ 10 บาท แต่ขายหน้าปั๊มพอๆกับตอนปี 51 เลย ทั้งที่มันไม่ได้แพงเท่าปี 51 แบบนี้มันน่าจะเป็นเรื่องนโยบายพลังงานมากกว่า ที่ทำให้คนไทยใช้น้ำมันแพง
ต่อมาราคาน้ำมันเบนซิน ของไทยประมาณ 42.58 บาท สหรัฐฯประมาณ 28-33 บาท ทั้งๆที่เราส่งออกไปที่อเมริกา สหรัฐฯมีการแข่งขันเสรี ไม่มีการอุดหนุนโดยรัฐ แต่มีแข่งขันกันหลายเจ้า นี่คือผลของการแข่งขัน ถ้าไทยมีการแข่งขันที่สมบูรณ์ราคาไม่น่าจะหนีจากกันเท่าไหร่
อีกอันคือข้อมูลเมื่อ 12 มีนาคม 55 เบนซิน 95 ไทยขายอยู่ที่ 44.86 บาท มาเลเซีย 19 บาท อินโดนีเซีย 31.70 บาท พม่า 24 บาท สรุปไทยแพงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ราคาก๊าซธรรมชาติ NGV ในไทย 15.50 บาท อเมริกา 2.61 บาท (ราคาขายส่ง) โดยไทยบอกว่านี่เป็นต้นทุนที่แท้จริง ตนต้องบอกว่าในกลไกตลาดเขาไม่ใช้ต้นทุนที่แท้จริงกัน เพราะต้นทุนของคนหนึ่งอาจไม่เท่ากับอีกคนหนึ่ง เพราะหากบริษัทพลังงานบริหารจัดการไม่ดี ต้นทุนก็อาจสูงได้ อันนี้มันขัดแย้งกับกลไกตลาดเสรี อีกทั้งภาพรวมราคาก๊าซตลาดโลก ลดลงมาตลอด แล้วบอกใช้ต้นทุนที่แท้จริง ไม่เหมาะสมแล้ว
มาที่เรื่องคุณภาพของ NGV มีการใส่คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งกรณีนี้พบว่า มาตรฐานสากลให้ใส่คาร์บอนไดออกไซด์ที่ 0 - 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ไทยโดยกระทรวงพลังงานประกาศให้ใส่ได้มากถึง 18 เปอเซ็นต์ ตรงกันข้ามกับมาตรฐานสากลหมดเลย แล้วเมื่อรวมก๊าซอื่นด้วย มาตรฐานสากลให้ใส่ไม่เกิน 4.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนไทย 19 เปอร์เซ็นต์ ค่าความร้อนที่ใส่เข้าไปเพื่อให้ค่าความร้อนลดลง อเมริกาหรือต่างประเทศตั้งไว้ 48 - 52 แต่ของไทย 37 - 42 ไม่ตรงตามมาตรฐานสากลสักอย่าง
น้ำมันในอ่าวไทย เป็นเกรดที่แพงสุดในโลก เบา กลั่นง่าย มลพิษต่ำ เป็นที่ต้องการของประเทศพัฒนา เราส่งออกไปที่อเมริกา เมื่อส่งออกไปแล้ว พลังงานขาดแคลน ก็ไปนำเข้ามาจากตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำมะถันสูง พอต้องกำจัดกำมะถัน ก็ไปขอค่าใช้จ่ายจากกองทุนเชื้อเพลง เท่ากับว่าเอาของดีส่งออก แต่เอาของเสียเข้ามาในประเทศ แล้วยังต้องเสียเงินเพิ่มอีก
ส่วนกรณีที่อ้างว่าไทยนำเข้าน้ำมันเยอะ พบว่าวันนี้โรงกลั่นในไทยมีกำลังกลั่นล้นเกิน ฉะนั้นก็มีการนำเข้ามากลั่นเพื่อส่งออก แล้วจะมานับว่าเป็นความต้องการของคนไทยไม่ได้ อย่ามาหาว่านำเข้าเยอะ
ด้านผศ.ประสาท กล่าวว่า คนไทยถูกล้างสมองหลายเรื่อง ทำให้เชื่อว่าไทยไม่มีน้ำมัน เรื่องน้ำมันต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นทำชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ทำให้เชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นแค่การเลือกตั้ง แต่มีการผูกขาดอะไรอยู่มากมาย ถูกทำให้เชื่อว่าโลกไม่มีพรหมแดน ไม่สนใจเรื่องความสุข สนใจแต่เทคโนโลยี พอเชื่องแล้วก็ลงมือปล้นทรัพยากรธรรมชาติ และปล้นแนวคิดด้วย บังคับให้ใช้พลังงานที่เขาผูกขาดได้ พอจะดิ้นไปทางอื่นเขาก็ไม่ยอม
ผศ.ประสาท กล่าวอีกว่า มีข้อมูลก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและพม่า ตนได้มาเมื่อ 10 กว่าปีแล้ว พบว่าราคาก๊าซในอ่าวไทยประมาณ 10.25 สตางค์ต่อลูกบาศก์ฟุต ซื้อมาจากพม่า 16.05 สตางค์ต่อลูกบาศก์ฟุต คิดทั้งโครงการ 40 ปี ตกที่ 4.5 แสนล้านบาท แปลว่าคนไทยซื้อก๊าซจากพม่าแพงกว่าจากอ่าวไทย ตนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พม่าอาจเสียค่าท่อก๊าซแต่หักแล้วก็ยังต่างกันมากอยู่
ก็พบความจริงว่าปตท.ไปตั้งบริษัทลูกขึ้นมา เพื่อรับซื้อก๊าซจากปากหลุมของไทยในราคาที่ถูกกว่าซื้อจากพม่า จากข้อมูลของ น.ส.รสนา ว่าราคาก๊าซอ่าวไทยอยู่ที่ 40 - 60 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลก คำถามคือทำไมขายให้ไทยต่ำ เขาขายให้บริษัทลูกของเขาเองเพื่อไปกดค่าภาคหลวง ซึ่งอัตรา 12.5 เปอร์เซ็นต์ ต่ำที่สุดในโลกอยู่แล้ว แต่ไปกดให้ต่ำลงไปอีก ซื้อขายกันที่ปากหลุมในราคาถูกๆ สมมุติซื้อขายกันที่100 เสียค่าภาคหลวง 12.5 บาท แต่ถ้าขาย 50 เสียแค่ 6 บาท ก็จะถูกลงไปอีก มันโกง 2 ต่อ นอกจากโกงภาคหลวงให้ต่ำแล้ว ยังโกงราคาหน้าปากหลุมให้ต่ำ เพื่อจ่ายค่าภาคหลวงต่ำๆ เพื่อขายให้บริษัทแม่ และบริษัทแม่ก็ได้กำไรมากๆ
ทั้งนี้ข้อมูลจากการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย พบว่าปตท.ขายน้ำมันให้เอกชนอื่นถูกกว่าขายให้กฟผ. สรุปกฟผ.ต้องซื้อก๊าซในราคาที่แพงกว่าเอกชนตกแล้ว 1.25 หมื่นล้านต่อปี แล้วภาระนี้ก็ตกที่ประชาชน ต้องจ่ายค้าไฟแพงขึ้น
นอกจากนั้น ไทยมีปั๊มน้ำมันสูงเป็น 2 เท่าของอังกฤษ แต่น้ำมันที่เราใช้กันเพียง 1 ใน 3 ของอังกฤษ มากกว่าที่ควรจะเป็น 5-6 เท่า แต่ละปั๊มมันเลยเจ๊งอยู่ไม่ได้ ค่าการตลาดที่ได้ก็น้อย ที่น่าเกลียดคือปั๊มให้แข่งกันเสรี แต่โรงกลั่นกลับผูกขาด ปั๊มเจ๊ง โรงกลั่นรวย อีกทั้งค่าการกลั่นของไทยสูงกว่ายุโรปและสิงคโปร์ถึง 2 เท่า
เส้นทางน้ำมันดิบในปี 51 ไล่มา ส่งออกในราคาที่ถูกกว่าขายให้คนไทย 1 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เทคโนโลยีในการขุดเจาะก้าวหน้ามาก ต้นทุนถูกลงเยอะในขณะที่สามารถขุดเจาะได้จำนวนมากขึ้น แต่ค่าภาคหลวงกลับไม่ขึ้นเลย
http://astv.mobi/AbCPDix
คลิกอ่าน คลิปแฉ!! ไทยมีน้ำมันและแก๊สอันดับต้นๆของโลก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)