.
.วันนี้ผมชอบบทความของคุณเปลว สีเงิน ในไทยโพสต์ ตอน เงินแสนล้านกับชายผู้น่าสงสารคนนั้น เลยคัดเอาช่วงสำคัญของบทความมาช่วยนำเสนอครับ
.
***********************
.
บทคความโดยเปลว สีเงิน
เห็นลูกน้องทักษิณคุยว่าลูกพี่ดีใจมากที่ติดอันดับ "ยอดนิยม" จากการโหวตของผู้เข้าชมเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ผมก็นึกชมเขาอยู่ในใจว่า..เก่ง เพราะผมนั้น แค่ระดับยาฮูยังเปิด-ปิดไม่ค่อยจะถูก ใครต่อใครติดต่อให้คุยกันในเว็บนั้น-เว็บนี้ อยากคุย แต่ทำอะไรนอกหลักสูตรที่เด็กเขาตั้งหน้าจอไว้ให้ไม่เป็น ก็เลยเหมือนหยิ่ง คือไม่ติดต่อกลับกะใครเลย ฉะนั้น โปรดเข้าใจ ไม่ใช่ผมปฏิเสธ แต่ไม่สามารถน่ะ!
อย่าง ๔-๕ วันมานี้ ตาแฉะอยู่กับเวอร์ชั่นใหม่-ล่าสุด "ภาพชุดเบิร์ธเดย์แม้ว" จากดูไบ ใครต่อใครคงเกรงว่าผมจะไม่มีบุญได้ชื่นชม ก็เลยกระหน่ำส่งต่อกันมาจนผมต้องนั่งลบทั้งวัน เพราะกลัวจะล้นเครื่องคอมพ์
ภาพคงคัดมา "ต่างกรรม-ต่างวาระ" แต่แหม...อยู่ถึงดูไบ ยังอุตส่าห์อิมพอร์ตหลวงพ่อ-หลวงพี่ลาแมร์จากเมืองไทยไปสวดมนต์ "ทำบุญวันเกิด" ฉันเช้า-ฉันเพล ประเคนอาหารไทยถิ่นเหนือกันถึงที่โน่น
สาธุสะ ขอให้พระคุ้มครองเน้อ!
ผมพิศดูหน้าตาท่านจากรูปแล้ว "เป็นห่วงจับใจ" ที่พูดกันว่า "หน้าชื่น-อกตรม" เป็นอย่างไร ถ้าคุณทักษิณอยากรู้ เอารูปที่ถ่ายหมู่กับลูกๆ ที่น่ารักในอพาร์ตเมนต์วันนั้นมาดู หรือจะส่องกระจกดูเงียบๆ คนเดียวก็ได้ แล้วท่านจะเห็นอย่างที่ผมเห็น
ปี ๒๕๔๔ "ตาดูดาว-เท้าติดดิน"
แต่ปี ๒๕๕๒ "ตาโรย-เท้าลอย" ชัดเจนมาก!
ตาคือหน้าต่างใจ จากตาที่สิ้นแสง-โรยแรง-ไร้พลัง นั้นบอกความจริงว่า Vitality คือพลังชีวิตของท่านถึงจุด "เสียสมดุล" และริบหรี่ ด้วยเหลือน้อยเต็มทีแล้ว!?
ผมนั้น เอะใจตั้งแต่ตอนเห็นภาพท่านจากวิดีโอลิงค์ที่เข้ามาปลุกระดมคนเสื้อแดงในพิธีกงเต็กตอนวันเกิด ๒๖ กรกฎา ที่วัดแก้วฟ้า นนทบุรี โน่นแล้ว
ขนาดโปะหน้าอำพรางโทรมจนขาววอก และสวมเสื้อแขนยาวแดงสดใส แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดโครงร่างที่เริ่มอกรวบ เป็นสัญญาณซูบตรอมด้วยโรคอย่างใด-อย่างหนึ่งกำลังรุมเร้า
เพราะอย่างนี้กระมัง ท่านจึงกระตุ้นสมุนแดงออกหน้า-ออกตากว่าแต่ก่อนว่า "อยากกลับบ้าน" ถึงขั้นเพ้อกำหนดวันนั้น-วันนี้ในตอนปลายปี ให้สมุนรีบตีหักชิงเมืองไว้รอท่า?
จากวันนั้น คือวันเกิดท่านที่ ๒๖ กรกฎา นั่นแหละ ผมก็มานั่งทบทวนความเคลื่อนไหวแต่ละฉาก แต่ละตอน จนมาบรรจบที่ ๓ เกลอหัวขวด ลุกลี้ลุกลนขมวดปมสร้างเงื่อนไขสำหรับใช้ก่อการใหม่ๆ ต่อจาก "ล่ารายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ" โดยไม่ดูดำ-ดูดีว่าสิ่งนี้ "ผิดหรือถูก"
มีอะไรสำคัญเป็นเบื้องหลังนักหรือที่ทักษิณจึงดู "กระเหี้ยนกระหือรือ" เร่งเร้าจะกลับเมืองไทย ทั้งที่จริงๆ แล้วจะกลับเข้ามาวันไหน-เวลาไหนก็ไม่มีใครห้ามอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมกลับเข้ามาเอง เพราะเกรง...โทษหนีคุกตะหาก!
ผมประเมินว่า เวลานี้ทักษิณต้องการหมอ และการพยาบาลรักษาด้วย "โรคเฉพาะทาง" อย่างใด-อย่างหนึ่งซึ่งหาการรักษาไม่ได้ในดูไบ หรืออย่างใน มอนเตเนโกร นิการากัว กระทั่งในแอฟริกาที่โม้ว่ากำลังเซ็นสัญญาทำเหมืองเพชร
ชีวิตการทำมาหากินทักษิณนี่ สังเกตดูเถอะ ไม่ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ ไม่หนีเรื่อง "สัมปทานผูกขาด" ซึ่งก็ส่อนิสัย-สันดานชัดเจนว่าเป็นคนประเภทใด อะไรที่ "ผูกขาด" ละถนัดนัก?
ท่านจำได้มั้ย ไม่กี่เดือนก่อนมีข่าวว่า "เยอรมนี" ไล่ตะเพิดทักษิณ ไม่ยอมให้เข้าประเทศ!
พูดง่ายๆ คือ ขณะนี้ทักษิณเป็น "บุคคลน่ารังเกียจ" ที่สหรัฐและประเทศในเครือสหภาพยุโรปไม่ต้อนรับ ไม่ยอมให้เข้าเมือง ฉะนั้น ก็แค่ลัดเลาะอยู่แถวๆ แอฟริกา ในเอเชียนี่ก็แค่นอนกินทราย-กินแดดที่ดูไบเป็นหลัก
เผอิญสัปดาห์ก่อน มีผู้หลัก-ผู้ใหญ่เล่าถึง "ชายคนหนึ่ง" ที่หลบไปซุกทรายอยู่แถบประเทศตะวันออกกลางให้ผมฟัง เมื่อฟังแล้วผมก็นำมาเข้าสมการจากหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ ก็ให้รู้สึกเป็นห่วง เพราะสิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านเล่ามันสอดคล้องกับพฤติกรรมที่ประจักษ์ของ "ชายคนหนึ่ง" ในขณะนี้มาก
คือเมื่อเดือน-สองเดือนนี้ มีนายแพทย์คนหนึ่งได้รับการขอร้องให้เดินทางไปทำคีโมให้กับผู้ป่วยด้วยโรค "มะเร็งต่อมลูกหมาก" คนหนึ่งที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ผมก็สงสัยว่าประเทศร่ำรวยขนาดถมทะเลสร้างเมือง จะหาโรงพยาบาลด้วยเครื่องมือทันสมัยและหมอผู้มีความชำนาญการไมได้เชียวหรือ จำเป็นอะไรต้องอิมพอร์ตหมอไปจากเมืองไทย?
เขาก็อธิบายว่า ที่นั่นเติบโตด้วยการก่อสร้างสารพัด ยกเว้นการแพทย์-การพยาบาล ก็ไม่เห็นหรอกหรือที่ทุกวันนี้ โรงพยาบาลในเมืองไทยอย่าง บำรุงราษฎร์ กรุงเทพ ปิยะเวท ฯลฯ ขวักไขว่ไปด้วยคนเจ็บป่วยจากตะวันออกกลางที่บินมารักษาในเมืองไทย ซึ่งทันสมัยทั้งแพทย์ ทั้งเครื่องมือ และทั้งวิทยาการ
"คีโม-ก็ไม่มีอะไรนอกจาก 'กินกับฉีด' ปะทะ-ปะทังไปเป็นระยะ" ท่านว่า พร้อมอธิบายว่า ในตัวผู้ชายทุกคนมีสาร "มะเร็งต่อมลูกหมาก" อยู่ทุกคน โดยเฉลี่ย-ธรรมชาติจะไม่ยอมให้ผู้ชายมีอายุเกิน ๑๐๐ ปี สมมุติว่าใครอยู่ถึงร้อยปีแล้วยังไม่มีท่าทีว่าจะเป็นโรคอะไร ธรรมชาติจะจัดสรรให้ โดยอภินันทนาการโรค "มะเร็งต่อมลูกหมาก" ตายโดยอายุไม่เกิน ๑๐๐ ปี
ก็อาจจะมีผู้ชายที่ "มะเร็งขยาด" อายุเกินร้อยอยู่บ้าง แต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นหญิง! ฉะนั้น จะพบว่า พออายุ ๕๐-๕๕ ขึ้นไป ผู้ชายส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการเกี่ยวกับ "ต่อมลูกหมาก" โชคดีก็ระดับ "ต่อมลูกหมากโต" แต่ถ้าแจ็กพอต หมอล้วงทวารควานแล้วพบตะปุ่มตะป่ำเหมือนมะระก็แสดงว่า "มะเร็งต่อมลูกหมาก" มาแล้วจ้ะ
มะเร็งต่อมลูกหมากถือว่าเป็นเครื่อง "เสี่ยงบุญ-เสี่ยงบาป" อย่างหนึ่ง คือเป็นแล้วไม่มีใครบอกได้ว่าอาการนั้น ๓ วัน ๗ วัน หรือ ๓ ปี ๗ ปี หรือ ๗๗ ปีตาย ไม่เหมือนมะเร็งทั่วๆ ไปที่หมอพอจะกำหนดวันได้ตามอาการ
ฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญกับกรรมและการรักษาของคนนั้นเองว่าจะสามารถอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือว่า โฟนอินอยู่แหงบๆ อ้าว..ปุบปับ ๑๐๐ วันก็....ซี้ซะแหล่ว!?
ทีนี้ถ้าเป็นแล้วอยากอยู่ถึงร้อยปี ทางการแพทย์ก็มีวิธีบำบัดรักษาอยู่คือ การฉายรังสี หรือการฝังแร่ ประเด็นมันก็คือ ณ ปัจจุบันนี้ เครื่องมือฉายรังสีที่ทันสมัยที่สุดในโลกมีอยู่ในไม่กี่ประเทศ ราคาเครื่องก็ตกเครื่องละประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
อย่างในบ้านเราที่ว่าทันสมัย และมีอยู่ไม่กี่โรงพยาบาลก็แค่ ๓๐๐-๔๐๐ ล้านเท่านั้นเอง! แล้วประเทศไหนล่ะที่มีเครื่องฉายรังสีเครื่องละเป็นพันล้าน?
ที่แน่ๆ ก็ สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ครับ เจ๋งที่สุดก็ต้องที่เยอรมนี แต่อย่างว่า ชายคนนั้น "บุญมี-เงินมี" แต่กรรมมันบัง มีเป็นแสนล้าน แต่เงินแสนล้านนั้นไม่สามารถนำมาช่วยซื้อชีวิตในยามคับขันได้ เพราะทั้งสหรัฐและเยอรมนี ไม่ต้อนรับคนที่พยายามแยกชาติ-โกงแผ่นดิน และเป็นนักโทษหนีคุก!
ผมจึงถึง "บางอ้อ" ที่สงสัยมานานว่าเหตุใดจึงมีคนซมซานจะเข้าไปประเทศเยอรมนีในครั้งนั้น ก็คงเพราะมันเหตุนี้แหละ!?
.
.
.
ขอบคุณ ไทยโพสต์ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก