วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำมันคนไทยกลับไม่ใช่ของคนไทย!!





จากบทความ น้ำมันของเรากำลังถูกปล้น

การขุดเจาะหาน้ำมันที่พุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา ถูกชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้านเพราะหวั่นเกรงผลกระทบที่จะตามมา โดยไม่มีหน่วยงานใดออกมาชี้แจงข้อมูลการขุดเจาะน้ำมันของบริษัทเอกชนอย่างชัดเจน

น้ำมันในเขตทวีวัฒนามีหรือไม่ หลายคนสงสัย คำตอบคือมีแน่ และบริษัทที่ได้รับสัมปทานคงสำรวจตรวจสอบก่อนหน้าแล้วโดยรู้ว่ามี เพราะถ้าไม่มี คงไม่ลงทุนขุดเจาะ

อาจมีคำถามต่อว่า ประเทศไทยมีน้ำมันมากขนาดไหน เท่าที่ดูข้อมูลการสำรวจจากหลายแหล่งต้องยืนยันว่ามีมาก และจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีปริมาณน้ำมันติดอันดับต้นของโลก จะด้อยกว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางเท่านั้น

ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน กำลังติดตามข้อมูลปิโตรเลียมในประเทศไทย และเกาะติดการขุดเจาะน้ำมันที่พุทธมณฑลสาย 2 โดยตั้งข้อสังเกตไว้หลายประการ โดยเฉพาะผลกระทบที่ชาวบ้านเขตทวีวัฒนาจะได้รับ

แต่การชี้แจงจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีลักษณะเป็นคำตอบที่อ้อมแอ้ม ไม่ได้ให้ข้อมูลสัมปทานการขุดเจาะปริมาณน้ำมันและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในเขตทวีวัฒนามากนัก

ส.ว.คำนูณรู้ข้อมูลด้านปิโตรเลียมอยู่พอสมควร แต่ก็ยังรับรู้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งไม่มีใครรู้ลึก

และแทบไม่รู้เลยว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่มีปิโตรเลีมอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ

สาเหตุเพราะข้อมูลปิโตรเลียมจัดหมวดหมู่ไว้กระจัดกระจาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลไม่พยายามเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้ เข้าข่ายการอุ๊บอิ๊บปกปิดข้อมูล

เช่นเดียวกับข้อมูลการบริหารจัดการปิโตรเลียมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้เลยว่า ใช้น้ำมันดิบในประเทศเท่าไหร่ ขุดก๊าซธรรมชาติมาขายเท่าไหร่ และซื้อปิโตรเลียมจากต่างประเทศในราคาต้นทุนเท่าไหร่ กำลังการปรับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศแต่ใช้หลักเกณฑ์ใดในการคำนวณ

ข้อมูลที่สำคัญเพื่อแสดงความโปร่งใสในการบริหารจัดการ ถามให้คอแหบแห้งตาย ก็ไม่ได้รับคำตอบจาก ปตท.และไม่เคยมีรัฐบาลชุดใด เค้นคอให้ ปตท.ตอบเสียด้วย

ผลประโยชน์จากน้ำมันมีมหาศาล และนำไปสู่ความขัดแย้งทั่วโลกจนถึงขั้นเปิดศึกทำสงครามเข่นฆ่ากันเพื่อยึดแหล่งน้ำมัน

ปริมาณน้ำมันของไทยมีอยู่ไม่ใช่น้อย มีกลุ่มคนและกลุ่มทุนสามานย์เข้าไปกอบโกยผลประโยชน์กันนับสิบๆ ปีแล้ว เพียงแต่ประชาชนถูกปิดหูปิดตา

ถ้าประชาชนได้รับรู้ว่า ปู่ย่าตายายของเราทิ้งสมบัติเป็นทองคำอยู่ใต้ดิน ถ้าได้รับรู้ว่า ลูกหลานเรามีทรัพยากรล้ำค่า มีน้ำมันที่ขุดขึ้นมาใช้มาขายทำให้ประเทศมั่นคั่ง ทุกคนได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น ความขัดแย้งในทางสังคมคงปะทุขึ้น

เพราะประชาชนคงไม่ยอมให้ใครมาปล้นทรัพยากรเหมือนที่เป็นมาหลายสิบปี

ทุกวันนี้มีการขุดปิโตรเลียมขึ้นมาขายไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แสนบาร์เรล โดยเป็นปิโตรเลียมในประเทศไทยล้วนๆ กว่า 6 แสนบาร์เรล และอีกกว่า 1 แสนบาร์เรลเป็นการขุดเจาะเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย

ในอนาคตจะมีการขุดเจาะขึ้นอีกในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีปิโตรเลียมอย่างสมบูรณ์ทั้งน้ำมันและก๊าซโดยบริษัท เชฟรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก ปักหลักยึดสัมปทานพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้แล้ว

ต้องขอบอกว่า พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างไทย-กัมพูชา มีทรัพยากรปิโตรเลียมมหาศาล และผลประโยชน์ควรตกทอดถึงประชาชนทุกคน

แต่กำลังมีกลุ่มคนทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์ ทำให้ไทยเสียเปรียบในข้อตกลงพื้นที่ทับซ้อน เพื่อกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลเข้ากระเป๋าตัวเอง

ปัจจุบันประเทศมีการบริโภคน้ำมันวันละประมาณ 100 ล้านลิตร คำนวณคร่าวๆ ใช้น้ำมันดิบประมาณวันละ 1 ล้านบาร์เรล โดย 1 บาร์เรลเท่ากับน้ำมันประมาณ 149 ลิตร

ถ้ามีการขุดเจาะน้ำมันจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่มเติม จะทำให้มีการขุดเจาะน้ำมันดิบได้ประมาณวันละ 1 ล้านบาร์เรลเป็นอย่างน้อย เมื่อรวมกับแหล่งที่ขุดเจาะเดิม

ปริมาณน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประเทศไทยโชติช่วงชัชวาลไม่ต้องเดือดร้อนการนำเข้า ไม่ต้องบริโภคน้ำมันแพง ไม่ต้องหวั่นไหวว่าน้ำมันในตลาดโลกจะทะลุไปเท่าไหร่แล้ว

แต่เสียใจด้วย ถึงเราจะมีน้ำมันใต้ดินเท่าไหร่ ประชาชนก็ยังต้องบริโภคน้ำมันแพงต่อไป เพราะพวกเราทุกคนถูกปล้นน้ำมันไปแล้ว

http://astv.mobi/AbCXbyR


ราคาขายปลีกน้ำมันไทยเมือเทียบกับเพื่อนบ้าน



-----------------------

น้ำมันของเรากำลังถูกปล้น (จบ)

ความขัดแย้งในการขุดเจาะน้ำมันที่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศในอนาคตเท่านั้น

เพราะสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม ถูกอนุมัติครอบคลุมเกือบทั้งประเทศแล้ว โดยเฉพาะภาคอีสานแทบทั้งเขต เป็นพื้นที่สัมปทานหมด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุมชน ไร่นาหรือป่าเขา เพียงแต่ข้อมูลยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงการพิจารณาอนุมัติสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมครั้งสำคัญเกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรและผลประโยชน์ของประชาชนอย่างมาก

รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การปิโตรเลียมใหม่ โดยจากเดิมการอนุมัติสัมปทานสำรวจและขุดเจาะกำหนดแปลงสัมปทานไม่เกิน 20,000 ไร่ แต่ได้ขยายแปลงสัมปทานเป็น 100,000 ไร่ และอนุมัติสัมปทานบริษัทเอกชนจำนวนมาก

นอกจากนั้นยังกำหนดให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน มีกรรมสิทธิ์บนพื้นดินเพียง 100 เมตร ลึกลงใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร ถือเป็นสมบัติของรัฐ ทรัพยากรใต้แผ่นดินที่ลึกลงไปเกินกว่า 100 เมตร ชาวบ้านผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ์ในผลประโยชน์

ขุมทรัพย์ที่อยู่ใต้ดินเกินกว่า 100 เมตร กลายเป็นสัมปทานเอกชนและทุนข้ามชาติไปเสียแล้ว

ถ้าบริษัทที่ได้รับสัมปทานสำรวจและขุดเจาะทั้งหมด ขุดหาน้ำมันพร้อมกัน ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยแท่นขุดเจาะ แผ่นดินไทยจะถูกเจาะจนพรุน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนในท้องถิ่นกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันจะปะทุทั่วประเทศ

ถึงวันนั้นสังคมไทยจะวุ่นวายปั่นป่วน และหาคนรับผิดชอบแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเพียงพุทธมณฑลสาย 2 เพียงจุดเดียว ยังไม่มีใครโผล่หน้ามาบอกว่า จะแก้ผลกระทบของชาวบ้านอย่างไร

หลายสิบปีแล้วที่มีการสำรวจและขุดน้ำมันขึ้นมาขาย หลายสิบรัฐบาลแล้วที่มีส่วนรู้เห็น และเปลี่ยนแปลงกฎเกณท์เงื่อนไขการพิจารณาสัมปทานหลายครั้ง แต่อัตราค่าภาคหลวงที่ต่ำติดดิน ไม่เคยมีผู้บริหารประเทศคนใดคิดจะเปลี่ยน

อัตราค่าภาคหลวงปิโตรเลียมของไทย กำหนดไว้ระหว่าง 5-15% ซึ่งน่าจะเป็นค่าภาคหลวงต่ำที่สุดในโลก

ประเทศกัมพูชาซึ่งถูกดูแคลนว่า ด้อยพัฒนา ล้าหลังกว่าประเทศไทยหลายขุม เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่า และนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ก็มีภาพลักษณ์นักตักตวงผลประโยชน์

แต่เขมรกำหนดค่าภาคหลวง 40-60% ส่วนพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศต้อนรับการลงทุน กำหนดค่าภาคหลวงอัตราใกล้เคียงกับเขมร

บางประเทศกำหนดค่าภาคหลวงประมาณ 85% และไม่ได้คิดจากส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำมันเสียด้วย แต่แบ่งค่าภาคหลวงจากน้ำมันที่ขุดขึ้นมา ขุดน้ำมันดิบขึ้นมาปริมาณเท่าไหร่ รัฐต้องได้ 85% อีก 15% บริษัทสัมปทานเอาไป

อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้สูง เพราะผู้บริหารประเทศสำนึกความหวงแหนทรัพยากร โดยราคาน้ำมันมีแต่จะสูงขึ้น

ถ้าขายไม่ได้ราคา ขายแล้วประชาชนไม่ได้ผลประโยชน์สูงสุด ก็ปล่อยทิ้งไว้เป็นสมบัติใต้ดิน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขุด วันหน้าใครให้ประโยชน์รัฐสูงสุด ค่อยขุดขึ้นมา

อัตราค่าภาคหลวงที่กำหนดไว้โบร่ำโบราณ ควรจะต้องทบทวนเสียที แต่ไม่รู้ทำไม จึงยังไม่มีรัฐบาลไหนทบทวนเสียที ทรัพยากรของประเทศจึงถูกนำไปขายในราคาถูกๆ และทำให้ประชาชนทุกคนเสียประโยชน์

แต่จะมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และคนกลุ่มนี้ร่วมกันปกปิดข้อมูลน้ำมัน ร่วมกันเมินเฉยต่อความเสียเปรียบในสัมปทานปิโตรเลียม

ประเทศไทยแม้ไม่ใช่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ แต่ปริมาณน้ำมันก็มีจำนวนไม่น้อย จนสามารถจูงใจให้บริษัทน้ำมันข้ามชาติเดินเข้ามาประเทศไทยกันขวักไขว่

ปริมาณน้ำมันที่มี ถ้าบริหารจัดการดีๆ บริหารจัดการด้วยความโปร่งใส ประชาชนคนไทยอาจมีโอกาสลืมตาอ้าปาก เพราะประเทศจะมีรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซแล้ว ผู้บริโภคอาจได้ใช้น้ำมันในราคาต่ำ ไม่ต้องเดือดร้อนแทบเป็นแทบตาย เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งทะยานแต่ละครั้ง

ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สามารถดูแลพลเมืองตัวเอง โดยขายน้ำมันราคาต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตของประเทศลดลง ประชาชนไม่ต้องปากกัดตีนถีบ เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมัน

ประชาชนที่บริโภคราคาน้ำมันต่ำที่สุดในโลก คือ เวเนซุเอรา โดยประธานาธิบดี ฮูโก้ ชาเวซ ตรึงราคาน้ำมันไว้เพียงลิตรละประมาณ 3.60 บาทเท่านั้น เลือกตั้งทีไร เสียงของนายชาเวซจึงท่วมท้น

ใครทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไทยเหลือต่ำกว่าลิตรละ 10 บาทได้ รับรองเลือกตั้งเมื่อไหร่ ได้รับชัยชนะท่วมท้น

ผลประโยชน์น้ำมันมหาศาลเพียงใด ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อสาธารณชน ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดนำข้อมูลทรัพยากรปิโตรเลียมที่อยู่ใต้ดินมาตั้งบนดิน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด

ขณะที่ประชาชนกำลังถูกปั่นหัวถูกเสี้ยมให้ห้ำหั่นแทบฆ่ากันตาย ถูกมอมเมากับลัทธิการเมืองว่าด้วยเรื่องเสื้อ “สี” คนกลุ่มหนึ่งกลับเสวยสุขกับการตักตวงน้ำมัน ปล้นทรัพยากรของประเทศไปขายให้ต่างชาติ

น้ำมันกำลังสูบกินทุกคน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร

เลิกบ้า เลิกบูชานักการเมืองหรือพรรคการเมืองได้แล้ว หูตาสว่างกันเสียที เพราะทรัพยากรบรรพบุรุษของเรา และของลูกของหลานเรากำลังถูกปล้น

ใครล่ะที่ปล้นน้ำมันของพวกเรา ก็นักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล และปล้นกันทุกรัฐบาลแหละ ปล้นกันมานานแล้วด้วย ไม่ว่าโดยไม่ตั้งใจหรือสมคบคิดกับทุนข้ามชาติปล้นคนไทยด้วยกันโดยตั้งใจก็ตาม

http://astv.mobi/AowW7pv


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก