วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สื่ออิหร่านจวกกฎหมายสหรัฐไร้มาตรฐาน ยอมให้ทักษิณทัวร์อเมริกา





คลิกที่รูปเพื่อขยาย




สื่อออนไลน์อิหร่านจวกยับ รบ.“โอบามา” 2 มาตรฐาน ยอมให้ “แม้ว” เข้าประเทศทั้งที่เป็น “ฆาตกร” สังหารหมู่คนไทย 2,800 ศพ

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เว็บไซต์ข่าวอิสระชื่อดังของอิหร่าน “ฮัมซาเยห์” เผยแพร่บทความชิ้นล่าสุด ที่มีเนื้อหาประณามรัฐบาลสหรัฐฯในยุคของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ “เปิดไฟเขียว” ให้กับบุคคลที่เป็น “จอมเผด็จการที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมหมู่” อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจ และอยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตในต่างแดน ให้สามารถเดินทางเข้าสู่แผ่นดินเมืองลุงแซมได้อย่างสะดวกโยธิน

บทความของเว็บไซต์ “ฮัมซาเยห์” ระบุ รัฐบาลสหรัฐฯแสดงท่าที “พะเน้าพะนอ” พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างออกนอกหน้า ทั้งที่อดีตผู้นำรัฐบาลไทยรายนี้ มีสถานะเป็น “ผู้ร้ายหนีคดี” และเป็นจอมเผด็จการที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่พี่น้องร่วมชาติชาวไทยของตัวเองหลายพันศพ โดยระบุตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2003 การประกาศสงครามกวาดล้างยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งใช้ระยะเวลานาน 3 เดือน เป็นเหตุให้มีพี่น้องชาวไทยต้องถูกสังหารไปราว 2,800 คน (หรือเฉลี่ย 30 ศพต่อวัน) ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ด้วยวิธีการป่าเถื่อนที่ละเมิดกฎหมาย ทั้งยังมีการยัดเยียดตราบาปให้กับเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมเหล่านั้น ว่า เป็นพวกพ่อค้ายาเสพติด ที่มีชื่อติดอยู่ใน “Hit Lists” ของตำรวจไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจอย่างล้นเหลือให้สามารถ “ชี้เป็นชี้ตาย” กับคนไทย ภายใต้การสั่งการของทักษิณ ซึ่งก็เป็นอดีตตำรวจเช่นเดียวกัน

บทความชิ้นนี้ระบุว่า ผลการสอบสวนในเวลาต่อมาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า “มากกว่าครึ่งหนึ่ง” ของคนไทยที่ถูกฆ่าตายตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด สอดคล้องกับรายงานขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชื่อก้องโลกอย่าง “ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์” 2 ฉบับ เมื่อปี 2004 และ ปี 2008 ที่ตีแผ่ความโหดเหี้ยมของสงครามยาเสพติดของไทย ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อย่างน่าสยดสยอง ขณะที่ตัวผู้ออกคำสั่งฆ่าประชาชนอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ กลับไม่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหา หรือถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งจากหน่วยงานของไทยและหน่วยงานระหว่างประเทศ

โทนี คาร์ตาลุชชี ผู้อยู่เบื้องหลังบทความในเว็บไซต์ของ “ฮัมซาเยห์” ชิ้นนี้ ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ “ฆาตกรมือเปื้อนเลือด” อย่างทักษิณ ที่ถูกกองทัพไทยโค่นอำนาจ จนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศตั้งแต่ปี 2006 กลับยังคงสามารถโบยบินเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างอิสระ เช่น การเดินทางเหยียบแผ่นดินสหราชอาณาจักร รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตีทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ทั้งที่ในขณะนั้น สื่อดังของอังกฤษ อย่าง “บีบีซี” ก็ได้รายงานข่าวที่มีเนื้อหาแสดงถึงความเป็นกังวลถึงที่มาของเงินที่ทักษิณนำมาใช้ซื้อทีมฟุตบอลดังกล่าวว่าอาจเป็น “เงินสกปรกนอกกฎหมาย”

บทความของคาร์ตาลุชชี ระบุพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการ “ปูพรมแดง” ต้อนรับทักษิณเข้าประเทศในขณะนี้ ช่างเป็นบทบาทที่ “ตอแหลลวงโลกอย่างน่าชิงชัง” สวนทางกับบทบาทของสหรัฐฯในช่วงก่อนหน้านี้ที่ทำการแทรกแซงทางทหารต่อลิเบีย เพื่อล้มรัฐบาลของพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี โดยสหรัฐฯอ้างเหตุผลว่า ตนเองมีความรับผิดชอบที่จะ “ต้องปกป้องประชาชนลิเบีย” รวมถึงล่าสุดที่สหรัฐฯ ประกาศสนับสนุนฝ่ายต่อต้านให้ล้มรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย โดยระบุสหรัฐฯต้องแทรกแซง เพราะทนเห็นชาวซีเรียผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าหมู่ไม่ไหว

ข้อเขียนในเว็บไซต์ของสื่อดังอิหร่านครั้งนี้ แสดงความกังขาว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลโอบามา ที่อ้างมาตลอดว่า ตนต้องช่วยปกป้องประชาชนทั้งในลิเบีย และซีเรีย จากการถูกเข่นฆ่า ถึงยินยอมอ้าแขนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นอาชญากรที่สั่งฆ่าหมู่คนไทยผู้บริสุทธิ์ 2,800 ศพ ให้เข้าประเทศได้อย่างปลอดโปร่ง 

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ดินแดนที่ได้ชื่อว่ายึดมั่นในกฎหมาย และเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างออกนอกหน้า เช่น สหรัฐอเมริกา ควรจะเป็น “แผ่นดินแห่งสุดท้ายบนโลก” เสียด้วยซ้ำ ที่จะอนุญาตให้ทักษิณเดินทางไปเหยียบ หรือจะเป็นการสะท้อนว่าชีวิตคนไทย มีคุณค่าต่ำต้อยกว่าคนลิเบีย และคนซีเรีย



นอกจากจะยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯยังปล่อยให้อาชญากรอย่างทักษิณเดินทางไปทั่วประเทศอย่างเสรี โดยไม่คิดจะจัดการกับความผิดที่อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นี้ก่อเอาไว้ ปล่อยให้หน้าที่ดังกล่าวตกเป็นของพี่น้องชาวไทยในสหรัฐฯจำนวนกว่า 2,000 คน ที่ต้องออกมาประท้วงขับไล่ทักษิณเสียเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วหน้าที่ในการจัดการกับทักษิณ ควรเป็นของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มี นางฮิลลารี คลินตัน กุมบังเหียนอยู่เสียมากกว่า

บทความที่ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวอิสระของอิหร่าน ยังชี้ว่า การกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯในขณะนี้ สะท้อนความเป็น “2 มาตรฐาน” อย่างชัดเจน และมีความเป็นไปได้ว่าเบื้องหลังฉาก อาจมีผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝงอยู่ระหว่างรัฐบาลโอบามา, พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่อยู่ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวของทักษิณ

นอกจากนั้น ยังมีตั้งคำถามว่า “ผลประโยชน์” ที่สหรัฐฯต้องการจากทักษิณ และน้องสาวนี้ มันมีค่ามากพอที่จะทำให้สหรัฐฯต้องยอมละทิ้งจุดยืนในการปกป้องสิทธิมนุษยชน และหลักสิทธิเสรีภาพเชียวหรือ?

http://astv.mobi/A4pH6zc



คลิกที่รูปเพื่อไปอ่านต้นฉบับของอิหร่าน




คลิกอ่าน รู้มั้ย? ทักษิณได้วีซ่าเข้าสหรัฐเพราะอะไร?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก