คนมีบุญมากคือใคร?
ใช่คุณรึเปล่า?
คนที่มีบุญมากคือ คนที่สบายใจง่าย อยู่ที่ไหน ในเวลาใด ก็สุขง่าย ทุกข์ยาก มีแต่ความเบาจิตเบาใจ ปลอดโปร่งโล่งสบาย
แล้วท่านล่ะเป็นเช่นว่าหรือเปล่า ?
คนที่สามารถจ่ายค่าอาหารแพง ๆ ในร้านดีร้านดัง แต่ยังปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิดกับบริการ หรือเรื่องอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ แบบนี้เรียกได้ว่า เป็นคนมีเงินมาก แต่ยังไม่ใช่คนมีบุญมากจริง ๆ
คนที่มีบุญมากจริง ๆ นั้น มักจะอยู่ง่ายกินง่าย ปรับตัวได้ง่าย ไม่ค่อยถือสาอะไรมากมายให้เป็นทุกข์ อะไรที่เป็นทุกข์ก็เพียงรู้ว่าเป็นทุกข์ แต่ไม่นำทุกข์มาแบก
คนที่มีบุญมากจริง ๆ มักไม่ค่อยถือตัวถือตน
เพราะเข้าใจว่า สรรพสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนถาวร มีเกิดแล้ว ตั้งอยู่ ในที่สุดก็ดับไป มีความรู้สึกปล่อยวาง มากกว่าจะเอามาแบกทับถมตัวเองให้เป็นภาระหนักตลอดเวลา
คนที่มีบุญมากจริง ๆ มักไม่คิดว่าตนเองพิเศษอะไรกว่าใคร ๆ
ในทางตรงกันข้าม เขาจะรู้สึกขอบคุณเวลาที่ใครทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จนรู้สึกว่าตนเองเป็นคนโชคดี แม้ถึงคราวที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ใด ๆ ที่ไม่ดี ก็ยังเห็นเป็นบทเรียน หรือยังมองเห็นด้านดีในเหตุไม่ดีได้อยู่ หรือมักมองเห็นด้านบวกได้เสมอ
คนที่มีบุญมากจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเพียบพร้อมหรือดีพร้อม
กระนั้น เขาก็ไม่รู้สึกต่ำกว่าหรือสูงกว่าใคร ดีกว่าใครหรือเลวกว่าใคร ฉลาดกว่าใครหรือโง่กว่าใคร เพราะเขาให้เกียรติความเป็นคนของทุกคน รวมทั้งตนเอง เขาจึงไม่นำตนเองไปเปรียบเทียบกับใคร …หรือนำเอาใครมาเปรียบเทียบกับตนเอง ถึงกระนั้น เขาก็ยินดีรับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น โดยไม่หลงเป็นเหยื่อคำสรรเสริญและคำนินทา
คนมีบุญมากจริงๆ มองไปที่ไหน เมื่อใด ได้ยินอะไร ก็สบายอกสบายใจ
เพราะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเองของทุก ๆ ชีวิต เห็นคนได้ดี ก็รู้ว่าเขาคงเคยทำสิ่งดี ๆ มาก่อน เห็นคนลำบากที่พอช่วยเหลือได้ ก็ช่วยไปตามกำลัง แต่อะไรที่เกินกำลัง ก็ไม่ปล่อยให้ตนเองว้าวุ่น กังวล ทุกข์ร้อนใจไปกับสิ่งนั้น เข้าใจดีว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง ทุกคนมีกรรมเป็นมรดก แต่ละคนย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ตนได้เคยกระทำไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี ละอายชั่วกลัวบาป ทำสิ่งที่ดีๆ
หาเวลาทำจิตให้ผ่องใสด้วยการมีสติในการปฏิบัติธรรม โดยทำในที่ใด ๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติธรรมทำที่วัด หรือที่สำนักปฏิบัติธรรมใด ๆ ทำที่บ้านก็ได้ ทำได้ในทุกแห่ง ด้วยการมีสติในปัจจุบันขณะ
(บทความข้างต้นนั้นไม่ทราบเป็นข้อเขียนของใคร แต่ขอขอบคุณครับ)
-----------------
คนมีบุญจริง ควรรู้จักความสุขที่แท้จริง
ความสุขที่แท้จริง โดยท่านพุทธทาส
ความสุขที่แท้นั้นมักชนไปในทางสงบร่มเย็น ส่วนความเพลิดเพลินหลงใหลนั้นมักนำไปสู่ความร้อน
ดังนั้นความสุขที่แท้จริงต้องมาจากความพอใจที่แท้จริง และความพอใจนั้นก็ต้องมาจากการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ทำอันตรายแก่ใคร อีกทั้งยังเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและทุกคน ถ้าอย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าถูกต้อง
คำสำคัญในที่นี้คือ “ถูกต้องและพอใจ” ซึ่งต้องทำให้เกิดขึ้นอยู่เสมอในทุกขณะจิต ไม่ว่าจะเป็นขณะที่ทำงาน ขณะที่กลับบ้าน ขณะกินข้าว ฯลฯ
ถ้ามันมีความถูกต้องและพอใจเกิดขึ้นแล้ว ก็จะกลายเป็นความสุขที่ถูกต้อง ที่ควรพอใจ แล้วก็จะเป็นความสุขที่แท้จริง
“เมื่อเรารู้สึกว่าถูกต้องและพอใจ นั่นแหละคือสวรรค์”
แล้วถ้าเป็นนรกล่ะเป็นยังไง ?
นรก ก็คือเมื่อเกลียดตัวเอง เมื่อชังน้ำหน้าตัวเอง อะไรก็ตามที่ทำอะไรแล้ว ชนิดที่มองดูแล้วมันเกลียดตัวเอง นับถือตัวเองไม่ได้ เคารพตัวเองไม่ได้ นั่นน่ะคือนรก จะสวรรค์ที่แท้จริง หรือนรกที่แท้จริงนั้น ก็เกิดขึ้นได้ที่นั่นและเดี๋ยวนั้นเช่นกัน
ถ้าจะพูดโดยสรุปแล้ว เราจงทำให้ทุกอย่างถูกต้อง ทุกอิริยาบถ ทุกนาที ทุกที่ ทุกเวลา ทุกหน และทุกแห่ง แล้วก็อยู่ด้วยความพอใจชนิดนี้ จนสามารถยกมือไหว้ตัวเองได้ นี่คือสวรรค์ที่แท้จริง เป็นความสุขที่แท้ตลอดวันตลอดคืน
ถ้าเป็นความสุขที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย ถ้าเป็นความสุขที่หลอกลวงแล้วล่ะก็ต้องใช้เงินมาก ยิ่งหลอกลวงมากก็ยิ่งใช้เงินมาก
คลิกอ่าน ปฎิบัติธรรมที่แท้จริงคืออะไร