วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Old thailand vs. New Thailand






คุณผู้อ่านครับ จากสภาวะอุทกภัยพิบัติ54คราวนี้ นักการเมืองสันดานนายทุน ไม่มองถึงต้นเหตุที่เกิดนำท่วม แต่ดันมองไปที่ปลายเหตุในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

วันนี้มีบทความดีๆมานำเสนอ ซึ่งเขียนได้ดี เมื่อเขียนได้ดี เลยอยากร่วมเผยแพร่ เกี่ยวกับแนวคิดกู้เงินอลังการมหาศาลสร้างNew Thailandขึ้น

ซึ่งแน่ใจเหรอว่า New Thailand จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้จริง หรือเป็นเพียงการหลอกฟันเค้กงบประมาณกองโตเท่านั้น

เนื้อหาบทความมีดังนี้

v

v

เรามี Old Thailand ที่ป้องกันน้ำท่วมได้อยู่แล้ว อย่าอ้าง New Thailand เพื่อผลาญงบประมาณ


การยึดอำนาจโค่นล้มรัฐบาล นช.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 กลายเป็นแพะตัวล่าสุดที่ถูกโยนบาปให้รับผิดแทนรัฐบาลหุ่นเชิดนายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการแก้ปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตรอ้างในทวิตเตอร์ของเขาว่า เมื่อปี 2548 เขามีโครงการเมกะโปรเจกต์ที่จะช่วยป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ น้ำท่วมประเทศไทยไว้แล้ว แต่ถูกยึดอำนาจเสียก่อน โครงการดังกล่าวจึงไม่เกิดขึ้น

ดีแล้วที่ คมช.ทำการยึดอำนาจ นช.ทักษิณ เมื่อ 5 ปีก่อน เพราะหากเขายังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกจนครบสมัยที่สอง กรุงเทพมหานครอาจจะจมบาดาลหนักไปกว่านี้ก็ได้ เพราะหนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ของ นช.ทักษิณ คือการสร้างเมืองใหม่สุวรรณภูมิ ในพื้นที่ที่เป็นทางน้ำของ กทม.

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เราได้เห็นกันแล้วว่า สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเร่งมือก่อสร้างในสมัยของ นช.ทักษิณ ตลอดจนบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นอุปสรรคขัดขวางทางน้ำไม่ให้ไหลลงทะเลได้สะดวกอย่างไร

หาก นช. ทักษิณยังมีอำนาจอยู่ และโครงการเมืองใหม่สุวรรณภูมิเกิดขึ้นมา มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งว่า มวลน้ำขนาดใหญ่จากภาคเหนือจะต้องถูกผันเข้าสู่กรุงะทพมหานครทั้งหมด เพื่อไม่ให้ท่วมเมืองใหม่สุวรรณภูมิของเขา

เมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในที่ราบลุ่มภาคกลางและไหลบ่าเข้ามาท่วมในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งจังหวัดปริมณฑลอยู่ในขณะนี้ ข้อมูลข่าวสารที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสื่อแบบดั้งเดิมและสื่อใหม่ในโลกไซเบอร์ ทั้งข้อมูลที่เป็นเรื่องสถานการณ์ และข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับทิศทางการไหลของน้ำ ระดับสูงต่ำของพื้นที่ใน กทม. ทำให้ความรู้เรื่องลำคลอง ทางน้ำ ของกรุงเทพฯ และธนบุรี ค่อยๆบังเกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก เป็นความรับรู้ที่เกิดขึ้นจากความจำเป็นของสถานการณ์ บีบบังคับให้ต้องศึกษาว่า บ้านเรือนของตัวเองอยู่ใกล้คลองอะไร มีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมมากน้อยเพียงไหน น้ำจะมาจากทิศทางไหนบ้าง จากเดิมที่ไม่เคยสนใจ รู้จักแต่ถนนหนทาง

แผนที่แม่น้ำลำคลอง เส้นทางเดินของน้ำ ที่บรรดาผู้รู้นักวิชาการนำมาแสดงประกอบการวิเคราะห์สถานการณ์ ทำให้เราได้เห็นเครือข่ายแม่น้ำลำคลองที่เชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา เราได้รู้จักคลองเล็กคลองใหญ่จำนวนมาก ซึ่งก่อนนี้อาจจะเคยได้ยินเต่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ไหลจากไหนไปไหน เชื่อมต่อกับคลองอะไร เช่น คลองระพีพัฒนศักดิ์ คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองเปรมประชากร คลองมหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา คลองภาษีเจริญ คลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว ฯลฯ หลายๆ คลองไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เช่น คลองพระพิมล คลองพระยาบันลือ คลองราชมนตรี คลองสนามชัย คลองขุนราชพินิจ ฯลฯ ก็ได้รู้จักกันจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

เครือข่ายแม่น้ำลำคลองเหล่านี้ คือมรดกแห่งระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่พระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราโชบายให้ขุดคลองสายหลักๆ เหล่านี้สมทบกับลำคลองที่มีอยู่ก่อนแล้ว เพื่อเป็นทางระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเล

และในสมัยรัชกาลปัจจุบันทรงมีพระราชดำริ และทรงสร้างนวตกรรมที่เกียวกับการเก็บกักน้ำ การระบายน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำขาดปัญหาน้ำมากไว้อย่างมากมาย เช่น โครงการคันกันน้ำพระราชดำริ โครงการแก้มลิง โครงการคลองลัดน้ำฯ ซึ่งอุทกภัยใหญ่ครั้นี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือ เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพหากผู้ใช้ใช้เป็น

สิ่งเหล่านี้คือ Old Thailand คือ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการป้องกันน้ำท่วมในที่ราบลุ่มภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีอยู่แล้ว

แต่นักการเมืองที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นตัวแทนของเสียงสวรรค์ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนไม่ให้ความสำคัญที่จะสานต่อปรับปรุงโครงสร้างเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้ ปล่อยให้แม่น้ำลำคลองตื้นเขิน ปล่อยให้มีการตั้งโรงงาน ตัดถนน สร้างบ้านเรือนขวางทางน้ำ เมื่อภัยมาถึงตัวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็อ้างว่าน้ำมากผิดปกติ สุดวิสัยที่จะรับมือ ทั้งๆ ที่มีข้อมูลมีสัญญาเตือนมาล่วงหน้าแล้วอย่างน้อย 2 เดือน แต่ดูเบาปัญหา

ข้อเสนอเรื่อง “รัฐไทยใหม่” หรือ New Thailand ของรัฐบาลที่ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีกในการป้องกันภัยพิบัติจากน้ำท่วม โดยต้องใช้งบประมาณมากถึง 8 แสนล้านบาท จึงเป็นการฉวยโอกาสพลิกวิกฤติศรัทธาในตัวนายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งที่กำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นๆ เป็นโอกาสในการผลาญงบประมาณแผ่นดิน อาศัยเหตุน้ำท่วมใหญ่บังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์

http://astv.mobi/ApXFDKw


คลิกอ่าน แฉ!! ใครแก้ผังเมืองฟลัดเวย์จนน้ำท่วมหนัก!!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก