สมเด็จพรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จเยี่ยมชมเขาพระวิหาร พ.ศ. 2472
นั่นเพราะไทยแพ้กัมพูชา ด้วยหลักฐานเดียวเท่านั้นคือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยเสด็จเยี่ยมชมเขาพระวิหาร ที่ตอนนั้นฝรั่งเศสยังยึดครองทั้งเขาพระวิหารและเขมรอยู่ และยังปรากฎธงชาติฝรั่งเศสบนเขาพระวิหาร
ด้วยเหตุที่ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินเรื่องเขตแดน นี่จึงเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ไทยต้องเสียเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้นให้แก่กัมพูชา
ด้วยเหตุผลที่ศาลโลกอ้างในคำตัดสินคือ ไทยได้ยอมรับแล้วว่า ฝรั่งเศสยึดครองปราสาทเขาพระวิหารไว้ เฉพาะตัวปราสาทจึงต้องตกเป็นของกัมพูชาต่อไป
ย้ำว่า ไทยแพ้เพราะหลักฐานธงชาติฝรั่งเศสที่อยู่บนเขาพระวิหาร เพราะนั่นหมายถึงไทยได้ยอมรับอธิปไตยบนเขาพระวิหารของฝรั่งเศส
แต่มีข้อสังเกตคือ ตอนที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จเยี่ยมชมปราสาทเขาพระวิหารนั้น พระองค์ทรงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งทางการเมืองแล้ว พระองค์เสด็จไปเยี่ยมชมในฐานะนักประวัติศาสตร์และโบราณคดีเท่านั้น
ดังนั้นตามหลักที่ถูกต้อง ไม่ควรนำกรณีการเสด็จเยือนของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาอ้างได้เลย จริง ๆ
(แต่นั่นคือยุคล่าอาณานิคมยังไม่สิ้นสุด เขมรยังเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส และฝรั่งเศสก็ได้เขมรไปเพราะขู่บังคับเอาไปจากไทย ซึ่งมันคนละเรื่องคนละบริบทกับยุคทีหมดยุคล่าอาณานิคม จนเกิดมีองค์การสหประชาชาติเกิดขึ้นแล้ว)
คลิกที่รูปเพื่อขยาย สมเด็จกรมพระยาดำรง คนที่ยืนหันหลังมือไขว้เอวอยู่ครับ (จะสังเกตเห็นธงชาติฝรั่งเศส)
เรสสิเดนต์ กำปงธม และเมอซิเออร์ ปามังติเอร์ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสรับเสด็จสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่เขาพระวิหาร (ซึ่งภาพเหล่านี้ต่อมาได้เป็นส่วนหนึ่งในข้ออ้างของประเทศกัมพูชาใช้ในการสู้คดีข้อพิพาทระหว่างประเทศกรณี ปราสาทเขาพระวิหาร ณ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ)
ไทยเราจึงปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก คือยอมให้กัมพูชาได้สิทธิเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารไป โดยมติครม.2505 ได้ล้อมรั้วรอบตัวปราสาทเขาพระวิหารเอาไว้ แต่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. ยังเป็นของไทยอยู่
ซึ่งกัมพูชาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรมาเกือบ 40 ปี
จนกระทั่งพ.ศ. 2543 รัฐบาลชวน หลีกภัย ดันไปเรียกกัมพูชามาตกลงร่วมกันในMOU43 เพื่อปักปันหลักเขตแดนใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันของทหารทั้ง 2ฝ่าย
ซึ่งMOU43 นี้ แปลว่า รัฐบาลไทยดันไปยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2แสน ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นแบบโกงๆ ที่กัมพูชานำมาอ้างใช้ในการปักปันเขตแดนร่วมกันใหม่ด้วย
นี่คือจุดเริ่มต้นของการเสียดินแดน 4.6 ตร.กม. ซึ่งตอนเขมรได้นำเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้ว นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรต่างประเทศกัมพูชา ได้อ้างเรื่อง MOU43 ด้วยว่าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2แสนของกัมพูชาแล้ว (คลิกอ่านที่นี่)
แถมรัฐบาลทักษิณยังไปทำ MOU44 เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยอ้างอิงที่ MOU43 เป็นหลักซ้ำเข้าไปอีก ตอกย้ำว่าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของกัมพูชาแล้วจริงๆ
ซึ่งหากไทยต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. อย่างเป็นทางการไปจริงๆ อีกเมื่อไหร่
หลักเขตแดนที่เคยมีจะถูกยกเลิกและทำขึ้นใหม่ (อาจใช้เวลาอีกหลายสิบปี) ซึ่งจะมีผลถึงพื้นที่ทางทะเลที่ไทยเคยครอบครองอยู่ ก็อาจจะต้องตกไปเป็นของกัมพูชาด้วย
ซึ่งนอกจากนั้น ยังจะมีพื้นที่ในจังหวัดทางภาคอีสานอีกหลายจังหวัด ที่อาจโดนยึดครองไปด้วย ตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ของกัมพูชา อีกหลายล้านไร่ครับ ซึ่งกัมพูชามันต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อแน่ๆ
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ ไทยจะยอมเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ไปอีกไม่ได้แล้ว
ส่วนรายละเอียดอีกหลายอย่าง และที่จริงไทยจะไม่แพ้กัมพูชาเลย ถ้าไม่ไปขึ้นศาลโลกตั้งแต่แรก ผมขอแนะนำให้
โปรดไปอ่านต่อได้ที่ อธิบายกรณีเขาพระวิหารอย่างง่าย คลิกที่นี่
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และคณะผู้ติดตามในคราวเสด็จเยือนเขาพระวิหาร เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒
ขอบคุณรูปประกอบจาก http://www.lek-prapai.org/photo.php?id=11#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก