วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556
กินของมัน ๆ ที่ห้ามกิน กลับรักษาโรคร้ายได้
ทฤษฎีใหม่ ๆ เรื่องการบริโภคอาหาร เริ่มมีแนวคิดที่ว่า ที่ฝรั่งสอนมาว่าดี คือกลายเป็นไม่ดีไปแล้ว
คุณเคยสังเกตไหมว่า ตั้งแต่คนไทยหันมากินน้ำมันพืชแทนน้ำมันหมู คนไทยก็กลับเป็นโรคร้ายมากขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับไขมันอุดตันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นไขมันอุดตันหัวใจ ไขมันอุดตันสมอง หรืออื่น ๆ อีกมากมาย
เมื่อปี 2551 ผมเคยเขียนบทความเรื่อง กินไข่มาก ๆ ช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้
ยิ่งในยุคนี้ผู้คนกลับมีความคิดที่ว่า กินขาหมู จะยิ่งอันตรายต่อสุขภาพมาก ๆ
แต่ทฤษฎีของคุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล อาจไม่ใช่เช่นนั้น
-------------------------
กินหนังไก่ ขาหมู รักษาเบาหวาน ลดอ้วน
โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
"ขาหมู หนังไก่ กินไปเลยนะ ทั้งรักษาเบาหวานและลดน้ำหนักได้" ผมบอกกับสมาชิกที่มากันเต็มพิกัดเพื่อเข้าเวิร์กช็อป 1 วัน ณ บัลวี สำหรับใครต่อใครที่ต้องการควบคุมเบาหวานและลดน้ำหนักด้วยสูตรการล้างพิษตับอ่อน
"เหวอ...จะเป็นไปได้ยังไง" หลายเสียงถามกันเซ็งแซ่ เหมือนคนดูรอบสนามมวย เวลาที่กรรมการผู้ตัดสินยกมือให้นักมวยนอกสายตาเป็นฝ่ายชนะ ค้านสายตาผู้ชม เพราะใครๆ ก็ถูกสอนกันมากว่า 40 ปีที่บอกว่า ถ้าใครอ้วน ไขมันสูง เบาหวานต้องงดกินหนังเป็ดหนังไก่ งดกินคากิหรือขาหมูที่แสนโปรดปราน เพราะทั้งแคลอรีสูง ทั้งไขมันสูง
ด้วยคำสั่งสอนที่ฝังหัวมาว่าไขมันจากสัตว์เป็นอันตรายกับสุขภาพ จะทำให้อ้วน ทั้งอ้วนในและอ้วนนอก
อ้วนภายในก็คือคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งจะตามมาด้วยโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง
อ้วนภายนอกก็คือโรคอ้วน ตามด้วยเบาหวาน และอื่นๆ อีกสารพัด
ด้วยเหตุฉะนี้น้ำมันหมู หนังหมู หมูสามชั้น ขาหมูคากิ จึงถูกขึ้นบัญชีดำทางสุขภาพ แล้วพลอยพาลพาโลไปถึงหนังไก่ หนังเป็ด ใครกลัวอ้วน กลัวคอเลสเตอรอลเวลากินไก่ก็ต้องเลาะหนังทิ้ง
แต่ผมกำลังประกาศกับผู้รักสุขภาพที่กำลังต้องการรักษาเบาหวาน ลดอ้วนว่าให้กินหนังไก่ ขาหมู นอกจากรักษาเบาหวานแล้ว ยังหุ่นดี ลดน้ำหนักได้อีกด้วย
"จริงนะคะ จะบอกให้" คุณทิพวัลย์ยืนยัน
คุณทิพวัลย์เป็นสมาชิกตัวอย่างที่ผมเชิญมาเพื่อเป็นกำลังใจกับผู้รักสุขภาพที่มาเวิร์กช็อป เธอลดน้ำหนักไป 10 ก.ก. ใน 6 เดือน และลดอินซูลินที่ฉีดรักษาเบาหวานของเธอจากวันละ 40U. จนไม่ต้องฉีดเลย ลดยาเบาหวานวันละ 4 เม็ดเหลือเม็ดเดียว และลดไตรกลีเซอไรด์จาก 253 ม.ก.% --> เป็น 163 ม.ก.% โดยทิ้งยาลดไขมันไปหมดสิ้นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
"เมื่อคุณหมอบรรจบบอกดิฉันให้กินขาหมู เวลากินไก่ก็ไม่ต้องเลาะหนังทิ้ง ดิฉันก็ไม่เชื่อเหมือนพวกคุณนี่แหละค่ะ เพราะหมอคนอื่นห้ามเราไปซะหมดทุกอย่าง จนคนเป็นเบาหวานอย่างดิฉันไม่รู้จะกินอะไรเลย ครั้นเมื่อโดนฉีดยากินยา ก็เกิดอาการหิว คว้าอะไรได้ก็กิน ในเมื่อไม่ให้กินหมูไก่ ดิฉันก็เหลือแต่กินผลไม้ และแอบกินขนมบ้าง ให้อภัยตัวเองไปทุกที เบาหวานก็ยิ่งขึ้น ตัวก็ยิ่งอ้วน" เธอกล่าว "แต่สูตรล้างพิษตับอ่อนกินหนังไก่ ขาหมูได้ค่ะ"
"แต่ผมขออย่างหนึ่งว่า คุณต้องงดแป้งข้าวทุกชนิด ขนมและรวมไปถึงผลไม้ด้วย ห้ามกินเด็ดขาด มันคือตัวยักษ์ตัวมารที่ทำลายสุขภาพของพวกเรา เพราะทุกวันนี้เราอ้วน ไตรกลีเซอไรด์สูง คอเลสเตอรอลก็สูงตาม แล้วก็เบาหวานกัดกิน ก็ด้วยการกินคาร์โบไฮเดรต โดยมัวแต่กลัวกินเนื้อกินไขมันนั่นเอง เรียกว่ากำหนดมิตรศัตรูผิดหมด เห็นมิตรเป็นศัตรู เห็นศัตรูเป็นมิตร"
การที่คนสมัยนี้เราต่างกำหนดมิตรศัตรูไม่แจ่มชัดก็เพราะการโฆษณาชวนเชื่อผิดๆ เรื่องนี้มันล้ำลึกมีมาตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ผมขอย้อนเล่าให้ฟังอีกสักครั้งกล่าวคือ :
มีการศึกษาที่เรียกว่า การศึกษาฟรามิงแฮม ซึ่งสถาบันโรคหัวใจแห่งชาติสหรัฐอเมริการิเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1960 โดยมีสมมติฐานว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหลอดเลือด เช่น ระดับคอเลสเตอรอลและระดับ LDL-Chol การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา น้ำหนักตัว เบาหวาน โรคเกาต์ เป็นต้น การออกกำลังกาย และระดับ HDL-Chol ลดอัตราเสี่ยง
นี่คือจุดเริ่มต้นของการปลุกผีคอเลสเตอรอล แล้วไขมันสัตว์ก็เป็นแหล่งคอเลสเตอรอลจึงเป็นปิศาจสุขภาพนี่น่ากลัวไปด้วย
ก่อเกิดเป็นกระแสสูงของการไม่กินน้ำมันหมู หนังหมู คากิ ถ้าใครกินไก่ก็ต้องเลาะหนังไก่ทิ้งไป
เหตุการณ์ผ่านไป 40 ปีมีการประชุมนานาชาติเมื่อ ค.ศ.1999 จึงมีผู้วิจารณ์การศึกษาฟรามิงแฮมว่า
"แม้ฟรามิงแฮมจะพบความสัมพันธ์ของคอเลสเตอรอลกับโรคหัวใจในคนหนุ่มและชายวัยกลาง แต่ไม่พบข้อเท็จจริงนี้ในผู้สูงอายุและในผู้หญิง และแม้แต่ในคนหนุ่มกับชายวัยกลาง การวิจัยก็ไม่สามารถพิสูจน์ต่อถึงความสัมพันธ์ของโรคหัวใจพวกเขากับคอเลสเตอรอลในอาหารที่กินเข้าไป ว่าจะสัมพันธ์โดยตรงหรือไม่แท้ที่จริงแล้วการวิจัยทางคลินิกหลายชิ้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า ไขมันอิ่มตัวในอาหารเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ"
แสดงว่าการอ้างงานวิจัยฟรามิงแฮมมารณรงค์ต่อต้านอาหารไขมันจากสัตว์ ล้วนเป็นเรื่องด่วนสรุป และตีความเกินจริง
แถมมีข้อสังเกตอีกว่า แม้การศึกษาฟรามิงแฮมจะพบปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด เช่น ภาวะขาดการออกกำลังกาย ความอ้วน ความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ซึ่งล้วนได้รับการพิสูจน์ว่ามีความสำคัญ
แต่ "ด้วยเหตุผลที่ลับลวงพราง" ข้อสรุปกลับมาเน้นที่เรื่องของคอเลสเตอรอลอย่างจริงจัง
พูดกันตรงๆ ก็คือ ถ้าโจมตีเรื่องคอเลสเตอรอลก่อโรคหัวใจ ไขมันจากสัตว์พาโรคอ้วนและไขมันเลือดสูง จะมีธุรกิจที่ขายดีคือ ยาลดไขมันกับธุรกิจน้ำมันพืช สองปัจจัยนี้จึงถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นรณรงค์จนเวอร์ แต่ในวงการไม่ยักจะมียาชนิดไหนกินแล้วขยันออกกำลังกาย ชนิดไหนกินแล้วไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ จึงไม่มีธุรกิจที่จะมาโปรโมตปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้
เหตุฉะนี้พวกเราซึ่งรับข้อมูลข่าวสารจึงแยกมิตรแยกศัตรูผิดๆ พากันเลาะหนังไก่ทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
ด้วยเหตุนี้ ใครที่เป็นเบาหวานและพอมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้างลองตรองดูเถอะว่า น้ำตาลในเลือดของเราสูงขึ้นเพราะอะไร?
นั่นก็เพราะอาหารคาร์โบไฮเดรตแท้ๆ ทีเดียว แต่อาหารไขมัน โปรตีน และพืชผัก ไม่ได้เป็นเหตุปัจจัยโดยตรงของการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือด
ดังนั้น ถ้าเราจะงดกินแป้งข้าว แล้วหันมากินให้อิ่มท้องด้วยเนื้อสัตว์กับผัก และถ้าจะเติมไขมันในอาหารบ้างก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไร
แต่ต้องเน้นไว้ ณ ที่นี้ว่า เป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ สัมพันธ์กับอาหารการกิน ส่วนเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งต้องพึ่งพาอินซูลิน และเกิดขึ้นในวัยเยาว์นั้น มีความซับซ้อนกว่านี้มาก ยังไม่ควรใช้วิธีนี้
สำหรับคนอ้วน แม้ว่าอาหารไขมันจะมีแคลอรีมากกว่าอาหารประเภทแป้ง แต่ก็ต้องรู้อย่างหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่คนอ้วนผิดพลาดอยู่ทุกวันนี้ เกิดจากการกินแป้งข้าว ขนม และผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ขอเพียงแต่คนอ้วนเลิกกินคาร์โบไฮเดรต งดหวาน เลิกกินผลไม้ ก็เท่ากับขจัดศัตรูตัวร้ายต่อความอ้วนของตัวเองไปแล้ว
ครั้นหันมากินหมู ไก่ ไข่ ปลา กับผัก ความอ้วนก็จะลดเอาๆ อย่างน่าพึงพอใจ
ปัญหามีอยู่ว่า เวลาที่เรางดแป้งซึ่งเป็นอาหารชนิดที่พร้อมเป็นพลังงานแก่เราได้รวดเร็วที่สุด คนคุมอาหารสูตรนี้มักจะหิวบ่อย ยิ่งถ้าคนที่มีความคิดว่า การลดความอ้วนต้องคุมอาหารแบบอดๆ อยากๆ ด้วยความเคยชินเก่า ก็มักจะรู้สึกผิดถ้ามื้อไหนกินอิ่มมากสักหน่อย ครั้นพอเปลี่ยนสูตรอาหารแล้วยังกินอย่างประหยัดถ้อยประหยัดคำต่อไป บ้างก็เน้นกินแต่ผักสลัด เนื้อสัตว์ไม่ยอมกิน คนเหล่านี้มักจะเกิดอาการหิวขึ้นมาระหว่างมื้อ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขโมยกินขนมหรือกินผลไม้ อันเป็นการกินนอกลู่นอกทาง ทำให้คุมอาหารไม่สำเร็จ
ทางออกของเรื่องนี้ก็คือ ต้องล้างสมองตัวเองว่า เนื้อสัตว์กินดี ไขมันกินได้ อาหารสูตรนี้ไม่ใช่เน้นให้กินแต่ผัก แต่มีสัดส่วนให้กินเนื้อ 1 ส่วน กินผัก 2 ส่วน จึงเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้องเตรียมอาหารเนื้อสัตว์ให้มากพอที่จะกินอิ่ม
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเย็นต้องกินอาหารมันๆ จึงจะอยู่ท้อง ถ้ากินแต่สลัดมื้อเย็น กลางดึกก็ต้องตื่นขึ้นมาแอบเปิดตู้เย็นกินขนมอย่างแน่นอน
ผมจึงมักเน้นย้ำกับใครที่รักจะล้างพิษตับอ่อนว่า "ต่อไปนี้หนังไก่อย่าเลาะทิ้งแล้วนะครับ ขาหมูก็กินได้ ขาหมูพะโล้กินแล้วลดน้ำหนักด้วยสำหรับคนอ้วนทั่วไป
ส่วนคนที่เป็นเบาหวาน ระวังความหวานในน้ำพะโล้ ผมแนะนำให้กินต้มยำขาหมูไปเลย อิ่มอร่อยและหายอ้วน หายเบาหวานครับ"
"...อย่างนี้ได้เฮ...รึเปล่า" ปรากฏสมาชิกที่มาร่วมเวิร์กช็อปเฮฮาไปตามๆ กัน
(ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 6-12 กันยายน 2556)
---------------------
ใหม่เมืองเอก ขอสรุป
ผมว่าที่อาจารย์หมบรรจบ แนะนำนั้น เราก็ควรเชื่อแต่พอดี ก็อย่าเชื่อไปจนหมดใจนะครับ อาหารที่ท่านว่ามา สรุปก็คือ ไขมันสตว์ไม่ได้ร้ายอย่างที่เราคิดกัน
แต่ถ้าคนเราหันมาทานเนื้อสัตว์กันมาก ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะดี เพราะเนื้อสัตว์นั้นเป็นบ่อเกิดโรคมะเร็งมากกว่าอาหารจำพวกแป้งนะครับ
และที่สำคัญเนื้อสัตว์ ย่อยยากกว่าอาหารจำพวกแป้ง ซึ่งจะทำให้ไตต้องทำงานหนักในการขับโปรตีนส่วนเกินออกจากร่างกาย แถมกินโปรตีนมาก ๆ กระดูกก็จะผุง่ายเหมือนกัน
ไป ๆ มา ๆ ลดแป้งกินเนื้อสัตว์จะกลายเป็นโรคไตแทนโรคเบาหวานนะ สิบอกให้ 555555
อ้อ.. อาหารที่เน้นเนื้อสัตว์มาก ๆ มักมีความเค็มตามมา เดี๋ยวจะกลายเป็นความดันสูงกันอีกล่ะ
ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว ความดันสูง เบาหวาน โรคไต มันก็พี่น้องท้องเดียวกันทั้งนั้น ^^
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก