วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

เมื่อหญิงชายเป็นแฟนกัน เที่ยวกิน ใครจ่าย ?






พอดีไปเจอคอลัมภ์ของดีเจพี่อ้อย นภาพร ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่อง หญิงชายเป็นแฟนกัน เวลาไปกินอาหาร ไปเที่ยว ใครควรเป็นคนจ่าย น่าสนใจดีครับ


โดยมีผู้หญิงคนนึงได้ถามดีเจพี่อ้อยตามนี้

“หนูคบกับแฟนมา 7 ปีแล้วค่ะ ยิ่งคบกันนานเท่าไหร่ หนูยิ่งอยากอยู่คนเดียวมากเท่านั้น ไม่ใช่ว่าหนูไม่รักนะคะ แต่หนูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก 4 ปีแรกรักกันดีมากค่ะ พ่อแม่หนูรับรู้ทุกอย่าง พอเริ่มเข้าปีที่ 5 - ปีปัจจุบัน หนูเริ่มเห็นความตระหนี่ถี่เหนียว เขาค่อนข้างงกมาก จนหนูอึดอัด ทำตัวไม่ถูก คิดเสมอว่า คนอื่นจะเป็นแบบแฟนหนูไหม 


เวลาเขาชวนหนูไปดูหนัง ถ้าเป็นคนอื่น ก็น่าจะออกให้หนู แต่นี่เขาให้ต่างคนต่างออก ไม่ใช่ต้องการให้เขาออกให้นะพี่ แต่ตามหลักมันสมควรเป็นแบบนี้หรือเปล่า

ซื้อบ้านด้วยกัน แม่ของเขาออกเงินสดให้เพราะไม่อยากให้ลูกชายมีหนี้ แต่แม่เขาไม่รู้ว่า แต่ละเดือนลูกชายเขาก็มาเก็บค่าบ้านกับหนู ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้เข้าไปอยู่ ตัวหนูเองก็มีค่าใช้จ่ายส่วนตัว ต่างจากเขาที่เอาแต่จะได้

พักหลัง ๆ เขาคิดแต่เรื่องของตัวเอง เดินข้ามถนนใหญ่ก็เดินไปคนเดียวไม่เคยคิดที่จะถามหนู ไม่คิดจูง ไม่เคยคิดจะช่วยถือของ แต่ช่วงคบกันใหม่ ๆ เขาดีมาก เหมือนตอนนี้ยิ่งรักยิ่งห่าง


เวลากินอะไรเป็นกลุ่ม ๆ ตอนหารกัน เขาก็ออกแต่ส่วนของเขา ทั้ง ๆ ที่หนูนั่งอยู่ด้วย พี่สาวหนูยังถามเลยว่า ทำไมเขาเป็นคนแบบนั้น งกจัง หนูเคยชวนเขาไปต่างจังหวัด แต่สุดท้าย มันก็เหมือนเดิม ตัวใครตัวมันออกเอง เวลาที่เขาไม่อยากจ่าย เขาก็จะทำเป็นควักกระเป๋าช้า ๆ จนบางทีหนูจ่ายให้ตลอด

ปีนี้ เขาบอกว่าจะมาขอหนูแต่งงาน แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว เขาเป็นคนบ้าฟุตบอล จักรยานและเกมมาก ๆ เรื่องของหนูจะอยู่ท้าย ๆ น้อยใจนะ ทั้ง ๆ ที่รักกัน แต่เขาไม่เคยแสดงออกมา มีแต่บอกรักทางตัวอักษร

รักเขานะพี่ แต่เริ่มรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ความใส่ใจก็น้อยลง หนูขอห่างจากเขาซะพัก เขาเลยลบเฟสหนูไปเลย พี่อ้อยว่าหนูควรทำตัวอย่างไรต่อจากนี้”





แล้ว ดีเจพี่อ้อย ก็ตอบ ตามนี้

รัก 7 ปีจะมีอาถรรพณ์ไหม อยู่ที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับได้ในข้อดีข้อเสียของกันและกันไหม ทำไมต้อง 7 ปี คงเป็นระยะแห่งความเบื่อกำลังดี ความชินกำลังเหมาะ จากเคยหันแต่มุมสวยที่สุดเข้าหากัน ตอนนี้ฉันจะเป็นตัวฉัน เธอก็จะเป็นตัวเธอ เรื่องงก เดี๋ยวค่อยว่ากัน

แต่สิ่งที่ห่วงกว่านั้นคือเรารักกันน้อยลงหรือหรือเปล่า ความใส่ใจค่อย ๆ หายไป เดินไปไหน มีแต่ฉันไม่ใช่มีกันและกัน แต่ก่อนเดินแทบจะประคอง ตอนนี้ต่อให้จะตกท่อ ยังหันหน้ามารำคาญใส่เลย มันเลยส่งผลมาถึงความมีน้ำใจ และมารยาทสังคมโดยทั่วไปของคนรักกัน

ไปดูหนังต่างคนต่างออกได้ค่ะ ไม่ได้มีสูตรไหนบัญญัติไว้ว่าผู้ชายต้องออกเสมอไป แค่บางทีมันดูโรแมนติกน้อยไป ในภาพของแฟนที่ต่างคนต่างหยิบเงินตัวเองมาวางรวมกันเพื่อจ่ายค่าตั๋วหนัง

ถ้าอยากยุติธรรมกันจริง ๆ สลับกันเลี้ยงก็ได้ ยังไงก็โรแมนติกกว่า รอบนี้เธอเลี้ยงนะ รอบหน้าฉันเอง สูตรนี้ได้มาจากสามีค่ะ พอดีเป็นผู้หญิงที่พึ่งลำแข้งตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นแฟนกันใหม่ ๆ อะไรก็หารกัน เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่า เราตั้งหน้าตั้งตาแต่จะรอแฟนเลี้ยง

จนเขาพูดว่า ให้เขาได้เลี้ยงบ้างเถอะ ให้เขาได้ภูมิใจในการได้ดูแลแฟนบ้าง ตอนนั้นหน้าชาและรู้สึกผิด จนมันติดอยู่ในหัวใจเลยว่า คนรักกัน เราผลัดกันเป็นผู้ให้และผู้รับ เพราะความชื่นใจในการเป็นผู้ให้ ก็ไม่ได้ชื่นใจน้อยกว่าการเป็นผู้รับเลย

คู่แต่งงานหลายคู่ นอกจากการเรียนรู้ใจ ต้องคุยกันให้จบว่า ระบบการใช้เงินของเรา จะเป็นยังไง เธอใช้เงินของเธอ ฉันใช้เงินของฉัน แล้วเรามีกองกลางร่วมกัน หรือแม้แต่สามีอยากเลี้ยงดูภรรยา ค่าเลี้ยงดูที่ว่าเป็นแบบไหน เธอออกค่าใช้จ่ายอะไร หรือส่วนไหน เป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของเรา คุยกันให้ครบ จะได้ไม่ต้องจบที่ความผิดใจ บ้านเราช่วยกันซื้อ แม่เขาออกตังค์ส่วนของเขา เราก็ยังต้องออกตังค์ส่วนของเรา เพราะเขาบอกแล้วว่าช่วยกันซื้อ ถ้าน้องอยากให้เขาซื้อให้ ก็ขอกันตรง ๆ จะได้รู้ว่าจุดประสงค์ตรงกันหรือเปล่า ที่พี่อยากถอนหายใจเบาๆ คือข้อสุดท้ายนี่แหละ ไปทานข้าวเป็นกลุ่มต้องหารกัน

ส่วนใหญ่แฟนกันก็คิดรวมกันก่อน จะไปเก็บตังค์กันข้างหลังก็ไม่ว่านะ แต่การแสดงออกแบบนี้ บางทีก็ไม่ค่อยน่ารัก รักกันดูแลกันเป็นเรื่องปกติ การมีน้ำใจต่อกันเป็นเรื่องของวิจารณญาณ จะร้องขอก็ไม่ใช่ แค่บางทีการทำแบบนี้ก็ประจานตัวเองเกินไป จ่ายแต่ในส่วนของตัวเอง คนมองเข้ามาจะรู้สึกยังไง ต่อให้ไม่ได้แคร์ปากใคร หรือชาวบ้านที่ไหน แต่มองยังไง นี่ก็ยังเป็นมารยาทสังคม พี่สาวเรานั่งด้วย เผลอ ๆ เขายังต้องควรออกให้ทั้งแฟนเราและพี่สาวเราเลย หลังไมค์เราเกรงใจ ค่อยเอามาเคลียร์ให้ ยังไงเขาก็ยังดูดีในสายตาคนอื่น

เมื่อขอเขาห่างซะพัก แล้วเขาก็จัดให้ตามที่ขอ ก็รอเวลาเป็นคำตอบ ว่าช่วงที่ห่างกัน เขาทุรนทุรายอยากจะมีเราอยู่ไหม และถ้าเรารู้สึกอย่างเดียวกันว่าเรารักกันมากพอที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน คงต้องมาเปิดใจคุยกัน เขารู้สึกยังไง เรารู้สึกยังไง คุยกันและฟังกัน เรื่องเงินเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่ถ้าจะใช้ชีวิตด้วยกันต่อไป หรือเรียนรู้ใจกันมาได้ตั้ง 7 ปี เรื่องแบบนี้ต้องพูดกันตรงๆ

ไม่มีสูตรไหนที่บอกว่าผู้ชายต้องจ่ายทุกอย่าง หรือถ้าจะเป็นแบบนั้นควรเป็นความตั้งใจของเขาไม่ใช่เราเรียกร้อง จะน่ารักกว่าด้วยซ้ำ ถ้าเราอยากร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใด ๆ บ้าง ไม่ใช่วางกระเป๋า แล้วเรียกร้องว่าเขาต้องดำเนินการส่งเสียเลี้ยงดูทุกวินาทีแห่งชีวิตต่อจากนี้ที่เป็นแฟนกัน

อาถรรพณ์เลข 7 ไม่มีค่ะ ถ้าเรายังรักกันกัน และทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน สื่อสารกันทุกความรู้สึก อย่าเก็บกดทุกอย่างไว้ลึกๆ เพราะสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้หายไป จะคู่ไหน ถ้าไม่รักกันมากพอ รักแล้วตั้งหน้าตั้งตาร้องขอ แบบไม่ทำความเข้าใจอีกฝ่าย ไม่ต้องรอถึง 7 ปี บางทีแค่เดือนแรก ยังไม่รอดจากอาถรรพณ์เลย

ดีเจพี่อ้อย

------------------

สรุปท้ายบทความ

สำหรับความเห็นผมนะ ถ้าเป็นแฟนกัน (หรือช่วงกำลังจีบ) ผู้ชายควรออกเงินเลี้ยงผู้หญิงเสมอครับ แต่ผู้หญิงเองก็ควรจะเข้าใจและเห็นใจผู้ชายบ้าง หมายถึง ในบางเวลา บางครั้งผู้หญิงก็ควรเสนอตัวเป็นฝ่ายเลี้ยงผู้ชายบ้างก็จะดีครับ

แต่โดยรวม ๆ ผู้ชายควรเป็นคนเลี้ยงหรือคนจ่ายเงินให้มากกว่าผู้หญิง ผมว่า ในอัตราส่วน 70:30 หรือ 80:20 เลยด้วยซ้ำ

เว้นแต่ว่า ฝ่ายหญิงรวยมาก ฝ่ายชายจนกว่ามาก ก็อาจเหลืออัตราฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิงในอัตรา 60:40 หรือแย่สุดก็ 50:50

ถ้าผู้ชายจ่ายน้อยกว่าผู้หญิง หรือให้ผู้หญิงช่วยจ่ายทุกครั้ง ผมว่า มันไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่สำหรับผู้ชายนะ

คือผู้ชายยังไงก็ต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงผู้หญิงให้มากกว่าเสมอ และไม่ควรออกปากให้ผู้หญิงเลี้ยงหรือช่วยจ่ายโดยไม่จำเป็น เว้นแต่ผู้หญิงจะเสนอตัวจะเลี้ยงหรือเสนอตัวจะช่วยจ่ายเองครับ

"ถ้าตอนคบเป็นแฟนยังเลี้ยงผู้หญิงไม่ได้ แต่งงานไปจะเลี้ยงครอบครัวได้เหรอ"

คลิกอ่าน เชอรี่สามโคก สอนหญิง จากกรณีเน็ตไอเด้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก