กรณีที่ดินเชายายเที่ยงของพลเอกสุรยุทธนั้น พลเอกสุรยุทธไม่มีสิทธิคืนที่ดินบนเขายายเที่ยง เพราะมันไม่ใช่ที่ดินของสุรยุทธตั้งแต่ต้นอยู่แล้วจึงไม่มีสิทธิคืน
กรมป่าไม้มีหน้าที่ยึดที่ดินและไล่ให้สุรยุทธย้ายออกไปจากพื้นที่เท่านั้น
เพราะที่ถูกต้อง กรมป่าไม้ไปยึดที่ดินและเพิกถอนสิทธิของ
นายเบ้า เจ้าของที่ดินของเดิมคืนมา!
ไม่ใช่ไปเรียกร้องให้พลเอกสุรยุทธคืนที่ดิน!
เพราะถ้าบอกให้พลเอกสุรยุทธคืนที่ดิน ก็เท่ากับไปยอมรับว่าที่ดินนี้เป็นของสุรยุทธ
ไม่มีกฏหมายให้ผู้สวมสิทธิโดยมิชอบคืนที่ดินภบท.5 มีแต่กฏหมายยึดที่ดินกลับคืนรัฐเท่านั้น!
กรณีสุรยุทธเรียกว่า การสวมสิทธิโดยมิชอบในที่ดินเขตป่าเสื่อมโทรมบนเขายายเที่ยง
คุณรู้จักคำว่า
ที่ดินจัดสรรในป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่ป่าสงวนไหม ?
ส่วนกรณีสวนลุงพร ที่เสื้อแดงยกมาเป็นประเด็นเปรียบว่า ทีสุรยุทธรุกป่าแต่ไม่ติดคุก แต่สวนอาหารลุงพรกลับโดนโทษติดคุกนั้น
ที่ดินสวนลุงพรเป็นที่ดินอยู่ตีนเขา แต่ที่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาติดคุก ก็เพราะส่วนสวนลุงพรเดิมมีที่ดินจัดสรรเพื่อเกษตรกรอยู่แปลงหนึ่ง แต่สวนลุงพรกลับไปรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแท้ๆ ที่ไม่ได้มีการจัดสรรจากกรมป่าไม้เพิ่มเติมอีก
ดังนั้นสวนอาหารลุงพรเดิมไม่ได้แค่สวมสิทธิในพื้นที่จัดสรรเพื่อเกษตรกรอย่างเดียว แต่ยังรุกเข้าไปในเขตป่าสงวนแท้ ๆ ด้วยครับ
เพราะที่ดินตรงนั้นอยู่ด้านล่างยังเป็นป่าสมบูรณ์กว่า ส่วนที่ดินบนเขายายเที่ยงด้านบนเขาเป็นหินเสียส่วนใหญ่ เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเห็นว่า ที่ดินบนเขาเพาะปลูกไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรจึงได้ขายสิทธิในที่ดินต่อ
แต่พื้นที่สวนอาหารลุงพรเดิมมีที่ดินจัดสรรอยู่ส่วนหนึ่งแต่ไปรุกล้ำเพิ่มเติมในเขตที่ไม่ได้จัดสรร เป็นการบุกรุกป่าสงวนแท้ๆอย่างชัดเจน
ทั้งสองกรณีจึงต่างกัน!!
กรณีสุรยุทธไปสวมสิทธิในพื้นที่จัดสรรในเขตป่าเสื่อมโทรม กฏหมายระบุให้เพิกถอนสิทธิของนายเบ้าที่เป็นเจ้าของสิทธิเดิม และไป
ไล่ให้ผู้สวมสิทธิมิชอบออกจากพื้นที่ และหากมีค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กรมป่่าไม้็ก็เรียกร้องค่าเสียหายจากผู้สวมสิทธิได้
แต่สวนอาหารลุงพรไปรุกล้ำเพิ่มเติมในเขตป่าสงวนที่ไม่อยู่ในเขตจัดสรร! เป็นป่าสงวนแท้ๆ เท่ากับบุรุกป่า!! มีโทษอาญาติดคุก!!
ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญัญัติ ส.ป.ก.ปี2518 ไม่มีระบุโทษอาญาจำคุกของผู้สวมสิทธิ มีแต่ให้รัฐยึดคืนและปรับค่าเสียหายเท่านั้น
สมมุติ หากมีกฏหมายลงโทษถึงขั้นติดคุกจริง โทษฐานบุกรุกป่าสงวน คนแรกที่จะโดนติดคุกก็คือ
นายเบ้า!! เจ้าของสิทธิเดิมนั่นแหล่ะ โทษฐานบุกรุกป่าสงวนเป็นคนแรก (แต่เอาผิดไม่ได้เพราะป่าไม้เขาจัดสรรให้นายเบ้าทำกิน)
ในเมื่อกฎหมายเอาผิดนายเบ้าที่บุกรุกป่าสงวนไม่ได้ ก็เอาผิดพลเอกสรยุทธ์ ฐานบุกรุกป่าสงวนไม่ได้เช่นกัน เพราะตัวกฎหมายแท้ ๆ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ
ดังนั้นกรณีพลเอกสรยุทธ์ ซื้อที่ดินต่อมาหลายทอดจากเจ้าของสิทธิเดิมคือ
นายเบ้า ก็ทำได้แค่ยึดคืนและปรับค่าเสียหายเท่านั้น
ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 16ทวิ (2)
ใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ผู้กระทำความผิดในมาตรา 16 ทวิ มีเพียงเพิกถอนสิทธิและยึดคืนรัฐเท่านั้น โดยมีโทษปรับตามมาตรา 25 (3) ซึ่งไม่มีบทลงโทษจำคุกทางอาญาตามหมวด 3 บทลงโทษ ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้
หากกฎหมายเอาผิดคนที่เข้ามาถือครองเปลี่ยนมือในที่ดินจัดสรรของรัฐแล้วล่ะก็ จะต้องมีคนติดคุกนับล้านคน
ทั้งคนจนที่เปลี่ยนมือซื้อขายกันเอง รวมทั้งคนรวยที่มาซื้อเพื่อสร้างบ้านตากอากาศด้วย
ด้วยเหตุนี้กฎหมายจึงไม่ต้องการขังคนนับล้านคน กฎหมายจึงไม่ระบุโทษจำคุกในการสวมสิทธิครอบครองที่ดินจัดสรรของรัฐ
-------------
แกนนำเสื้อแดงมักพูดว่า
ที่ดินบนเขาเป็นที่ดินต้นน้ำ แต่ที่ดินข่างล่างของสวนลุงพรใกล้ถนน กลับโดนศาลสั่งจำคุก
ก็เพราะที่่ดินบนเขายายเที่ยงเป็นพื้นที่ที่มีหินจำนวนมาก ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก เจ้าของสิทธิจึงขายที่ดินต่อให้นายทุนหรือคนรวยเพื่อใช้เป็นที่พักเพราะมีวิวสวย
ส่วนที่ดินข้างล่างอุดมสมบูรณ์กว่า จึงมีพื้นที่ที่ยังไม่ถูกการจัดสรรที่ดิน กรณีสวนลุงพรไปบุกรุกที่ดินป่่าสงวนแท้ๆทืี่ยังไม่ได้รับการจัดสรรตามกฏหมาย จึงมีความผิดอาญาฐานบุกรุกเขตป่าสงวน
ฉะนั้นหากฟังจากแกนนำเสื้อแดง ที่มีสำนวนโวหาร เมื่อฟังแล้วก็ดูน่าเชื่อถือ แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง!!
-------------------------
แต่สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมในทางจริยธรรมของพลเอกสุรยุทธ
พลเอกสุรยุทธสมควรลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบในความบกพร่องของตน เพราะเรื่องเขายายเที่ยงสุรยุทธโดนซักฟอกมาร่วม2ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยตัวเองเป็นนายกฯ
แทนที่พลเอกสุรยุทธจะรีบจัดการโดยเรียกให้กรมป่าไม้เข้ามาจัดการให้ถูกต้องโดยเร็ว แต่กลับละเลย เสียดายที่ดินในทางที่ผิด จนเรื่องบานปลาย!!
เวลานี้พลเอกสุรยุทธจึงหมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ในฐานะคนที่เคยเป็นถึงอดีตนายกฯและผู้หลักผู้ใหญ่ของบ่านเมืองครับ
----------------------------
ทีนี้ลองฟังผู้รู้เกี่ยวกับป่าไม้ อธิบายความ
เขายายเที่ยงเป็นภูเขาในเขตตำบลคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีอาณาเขตแนวป่าติดต่อกับ ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น ป่าปากช่อง ป่าหมูสี และเขื่อนลำตะคอง
ชาวบ้านขึ้นมาทำกินบนเขาตั้งแต่ปี 2517 โดยถางป่าทำไร่ข้าวโพด จนเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรพื้นที่ในเขตป่าเสื่อมโทรม เพื่อแก้ไขปัญหารุกที่ดินป่าสงวน
สาระของโครงการหมู่บ้านป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรี 29 เม.ย.2518 บนเขายายเที่ยง คือการจัดสรรที่ดินนอกเขตต้นน้ำให้ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่ โดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่ให้สิทธิตกทอดถึงทายาทโดยทางธรรมได้เป็นการถาวรตลอดไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้นายทุนเข้ามาครอบครองโดยวิธีกว้านซื้อ โดย กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยนั้นจะออกใบอนุญาตชั่วคราวให้เข้าอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งการให้จ้างแรงงานจากหมู่บ้านป่าไม้ให้ปลูกป่าด้วย
แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ส่วนหนึ่งเป็นหิน ไม่เหมาะสำหรับทำการเกษตร ชาวบ้านจึงขายที่ต่อให้กับคนต่างถิ่น โดยมีข้าราชการจำนวนหนึ่งมาซื้อต่อเป็นทอดๆ เพราะบนเขามีทิวทัศน์สวยงาม มีอากาศดี เหมาะจะนำมาสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ รวมทั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ทั้งนี้พื้นที่บริเวณนี้ยังไม่มีการออกเอกสารสิทธิ มีเพียงหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.ท.บ.5) ที่ที่ว่าการอำเภอเป็นผู้ออกให้
นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า กรณีที่กรมป่าไม้ถูกกล่าวหาว่า
ทำ 2 มารตรฐานนั้น เข้าใจว่า มีการเอาคดีการบุกรุกพื้นที่ สวนลุงพร ที่อยู่บริเวณทางขึ้นเขายายเที่ยง ที่กรมป่าไม้เข้าดำเนินคดีตามกฏหมายไปแล้ว
แต่ ทั้ง 2 เรื่อง การพิจารณาคดีไม่เหมือนกัน
เพราะสวนลุงพรมีหลักฐานชัดว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่เมื่อไม่นานมานี้
---------------------
ตัวอย่างคำถามในข่าวอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องพลเอกสรยุทธ
เมื่อถามว่า เหตุใดผู้ที่ครอบครองที่ดินเชิงเขาจึงถูกดำเนินคดี ไม่เหมือนกับกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ?
การครอบครองที่ดินเป็นคนละกรณีกัน โดยที่ดินบนเขาที่ พล.อ.สุรยุทธ์ สร้างบ้านไว้ เจ้าของเดิมได้รับการจัดสรรจากกรมป่าไม้ตามมติ ครม. ให้ชาวบ้านที่อยู่บนเขาถือครองได้คนละ 15 ไร่ แต่ไม่มีการจัดสรรที่ดินเชิงเขาให้ชาวบ้าน ดังนั้นผู้ที่เข้าไปยึดครองจึงมีความผิดฐานบุกรุก
เมื่อถามว่า การที่นายเบ้า ซึ่งได้รับจัดสรรที่ตามติ ครม. นำที่ดินมาขายต่อ ซึ่งฝ่าฝืนเงื่อนไขการครอบครองที่ดิน จะมีการดำเนินคดีได้หรือไม่ ?
มติ ครม. เป็นข้อห้ามการซื้อขาย แต่ไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ดังนั้นนายเบ้าจึงไม่มีความผิด ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ซื้อที่ดินไปแม้จะไม่มีความผิดเช่นกัน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ซึ่งสิทธิ์ครอบครองที่แท้จริงต้องตกเป็นของทายาทนายเบ้า
คลิกอ่านข่าวนี้
--------------
กรณีเขายายเที่ยงจึงเป็นการเข้าครอบครอบที่ดิน (โดยสวมสิทธิมิชอบ) ตามที่รัฐเคยจัดสรรไว้ให้ตามโครงการหมู่บ้านป่าไม้ตั้งแต่ปี 2518-2521 และเรื่องของการเปลี่ยนมือการครอบครอง (ข่าวคมชัดลึก)