วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แผนให้ร้ายพระพุทธเจ้า ทำสงฆ์แตกแยกของพระเทวทัต






ครั้งนั้น พระเทวทัตเข้าไปหาพระที่เป็นพวกพ้องของตน ซึ่งมีพระโกกาลิกะ พระกตโมรกติสกะ พระขัณฑเทวีบุตร พระสมุททัตตะ แล้วได้กล่าวว่า

"มาเถิดท่านทั้งหลาย พวกเราจักทำสังฆเภท(ทำสงฆ์แตกแยก) จักรเภท(ทำลายกงล้อแห่งพระรัตนตรัย) แก่พระสมณโคดม"

เมื่อพระเทวทัตกล่าวอย่างนี้แล้ว

พระโกกาลิกะได้กล่าวว่า "พระสมณโคดมมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากพวกเราจักทำสังฆเภท จักรเภท แก่พระสมณโคดมอย่างไรได้"

พระเทวทัตจึงกล่าวว่า "มาเถิดท่านทั้งหลาย พวกเราจักเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดม แล้วทูลขอวัตถุ ๕ ประการว่า พระผู้มีพระภาคตรัสคุณแห่งความเป็นผู้
มักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สั่งสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย พระพุทธเจ้าข้า

วัตถุ ๕ ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ความเป็นผู้สันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สั่งสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย

ข้าพระพุทธเจ้า ขอประทานพระวโรกาส
1 ภิกษุทั้งหลายพึงถือการอยู่ป่าเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดอาศัยบ้านอยู่ รูปนั้นพึงต้องโทษ (บ้าน ในที่นี้หมายถึง อาคารก่อสร้างทุกชนิด)
2 ภิกษุทั้งหลายพึงถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีกิจนิมนต์ รูปนั้นพึงต้องโทษ
3 ภิกษุทั้งหลายพึงถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีคหบดีจีวร รูปนั้นพึงต้องโทษ
4 ภิกษุทั้งหลายพึงถืออยู่โคนไม้เป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดเข้าอาศัยที่มุงที่บัง รูปนั้นพึงต้องโทษ
5 ภิกษุทั้งหลายไม่พึงฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต รูปใดฉันปลาและเนื้อ รูปนั้นพึงต้องโทษ

พระสมณโคดมจักไม่ทรงอนุญาตวัตถุ ๕ ประการนี้แน่ แต่พวกเรานั้นจักให้ประชาชนเชื่อถือวัตถุ ๕ ประการนี้"

พระโกกาลิกะจึงกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย พวกเราสามารถเพื่อทำสังฆเภทจักรเภท แก่พระสมณโคดมด้วยวัตถุ ๕ ประการนี้แน่ เพราะมนุษย์ทั้งหลายเลื่อมใสในความปฏิบัติเศร้าหมอง ฯ"

-------------------

ใหม่เมืองเอก ขอสรุปในขั้นต้นว่า 

พระเทวทัตและพระพวกพ้อง รู้ว่า พวกประชาชนทั่วไปที่ยังด้อยปัญญา มักหลงเลื่อมใสศรัทธาพวกปฏิบัติแบบยากลำบากโดยง่าย เช่นพวกโยคีที่ทรมานตนเอง

เมื่อพระเทวทัตรู้ดีเช่นนี้ จึงได้วางแผนไปทูลขอหลักปฏิบัติทั้ง 5 ประการที่ทำได้ยาก แก่พระพุทธเจ้า ซึ่งพระเทวทัตรู้อยู่แล้วว่า พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงอนุญาตตามที่ขอแน่นอน

เมื่อพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตแล้ว พระเทวทัตและพวกพ้องจะนำเรื่องนี้ไปโฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาชนทั่วไปว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้มักมาก ไม่รักสันโดษ แถมยังชอบฉันเนื้อสัตวือีกด้วย เพื่อหวังทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธเจ้าครับ

----------------

พระเทวทัตทูลขอวัตถุ 5 ประการ

ครั้งนั้น พระเทวทัตพร้อมกับบริษัทเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

"พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสคุณแห่งความเป็นผู้มักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส ความไม่สั่งสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย พระพุทธเจ้าข้า

วัตถุ ๕ ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ความเป็นผู้สันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส ความไม่สั่งสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย

ข้าพระพุทธเจ้า ขอประทานพระวโรกาส

1 ภิกษุทั้งหลายพึงถือการอยู่ป่าเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดอาศัยบ้านอยู่ รูปนั้นพึงต้องโทษ (บ้าน ในที่นี้หมายถึง อาคารก่อสร้างทุกชนิด)
2 ภิกษุทั้งหลายพึงถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีกิจนิมนต์ รูปนั้นพึงต้องโทษ
3 ภิกษุทั้งหลายพึงถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดยินดีคหบดีจีวร รูปนั้นพึงต้องโทษ
4 ภิกษุทั้งหลายพึงถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดเข้าอาศัยที่มุงที่บัง รูปนั้นพึงต้องโทษ
5 ภิกษุทั้งหลายไม่พึงฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต รูปใดฉันปลาและเนื้อ รูปนั้นพึงต้องโทษ"

พระผู้มีพระภาครับสั่งตอบา "อย่าเลยเทวทัต ภิกษุใดปรารถนา ภิกษุนั้นจงถือการอยู่ป่าเป็นวัตร รูปใดปรารถนา จงยินดีอยู่ในบ้าน รูปใดปรารถนา จงถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร รูปใดปรารถนา จงยินดีกิจนิมนต์ รูปใดปรารถนา จงถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร รูปใดปรารถนา จงยินดีคหบดีจีวร เราอนุญาตโคนไม้เป็นเสนาสนะ ๘ เดือน เราอนุญาตฉันปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์โดยส่วนสาม คือ ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ"

ครั้งนั้น พระเทวทัตคิดว่า พระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาต วัตถุ ๕ ประการนี้ จึงร่าเริงดีใจพร้อมกับบริษัทลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ แล้วกลับไป

---------------------

พระเทวทัตป่าวโฆษณาวัตถุ 5 ประการไปทั่ว

ต่อมา พระเทวทัตพร้อมกับบริษัทเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์แล้ว ประกาศให้ประชาชนเข้าใจวัตถุ ๕ ประการว่า ท่านทั้งหลาย พวกอาตมาเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมทูลขอวัตถุ ๕ ประการว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสคุณแห่งความเป็นผู้มักน้อย การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย พระพุทธเจ้าข้า
วัตถุ ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ... การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย

ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ภิกษุทั้งหลายพึงถืออยู่ป่าเป็นวัตรตลอดชีวิต รูปใดอาศัยบ้านอยู่ รูปนั้นพึงต้องโทษ ภิกษุทั้งหลายไม่พึงฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต รูปใดฉันปลาและเนื้อ รูปนั้นพึงต้องโทษ วัตถุ๕ ประการนี้ พระสมณโคดมไม่ทรงอนุญาต แต่พวกอาตมาสมาทานประพฤติตามวัตถุ ๕ ประการนี้"

บรรดาประชาชนเหล่านั้น พวกที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส ไร้ปัญญา
กล่าวอย่างนี้ว่า "พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ (หมายถึงพระเทวทัตและพวก) เป็นผู้กำจัด มีความประพฤติขัดเกลา ส่วนพระสมณโคดมประพฤติมักมาก ย่อมคิดเพื่อความมักมาก"

ส่วนพวกที่มีศรัทธา เลื่อมใส เป็นผู้ฉลาด มีปัญญา ย่อมเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนพระเทวทัตจึงได้พยายามเพื่อทำลายสงฆ์ เพื่อทำลายจักร

ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อยต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระเทวทัตจึงได้พยายามเพื่อทำลายสงฆ์ เพื่อทำลายจักร แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

-----------------

พระผู้มีพระภาค ทรงสอบถามว่า "ดูกรเทวทัต ข่าวว่า เธอพยายาม
เพื่อทำลายสงฆ์ เพื่อทำลายจักร จริงหรือ"

พระเทวทัตทูลรับว่า "จริง พระพุทธเจ้าข้า"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "อย่าเลย เทวทัต เธออย่าชอบใจการทำลายสงฆ์
เพราะการทำลายสงฆ์มีโทษหนักนัก ผู้ใดทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันย่อมประสพโทษตั้งกัป ย่อมไหม้ในนรกตลอดกัป ส่วนผู้ใดสมานสงฆ์ผู้แตกกันแล้วให้พร้อม
เพรียงกัน ย่อมประสพบุญอันประเสริฐ ย่อมบรรเทิงในสวรรค์ตลอดกัป อย่า
เลย เทวทัต เธออย่าชอบใจการทำลายสงฆ์เลย เพราะการทำลายสงฆ์มีโทษ
หนักนัก"

ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งอันตรวาสก ถือบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ พระเทวทัตได้พบท่านพระอานนท์กำลังเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ จึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ แล้วได้กล่าวว่า

ท่านอานนท์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจักทำอุโบสถ จักทำสังฆกรรม แยกจากพระผู้มีพระภาค แยกจากภิกษุสงฆ์"

ครั้นท่านพระอานนท์เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์แล้ว เวลาปัจฉาภัตร กลับจากบิณฑบาตเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม นั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วจึงกราบทูลว่า

"พระพุทธเจ้าข้า เมื่อเช้านี้ข้าพระพุทธเจ้านุ่งอันตรวาสก ถือบาตร และจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ พระเทวทัตพบข้าพระพุทธเจ้ากำลังเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ แล้วเข้ามาหาข้าพระพุทธเจ้า ครั้นแล้วกล่าวว่า ท่านอานนท์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจักทำอุโบสถ จักทำสังฆกรรม แยกจากพระผู้มีพระภาค แยกจากภิกษุสงฆ์ วันนี้พระเทวทัตจักทำลายสงฆ์ พระพุทธเจ้าข้า"

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเรื่องนั้นแล้ว ทรงเปล่งอุทานในเวลา
นั้นว่าดังนี้

"ความดี คนดีทำง่าย ความดี คนชั่วทำยาก ความชั่ว คนชั่วทำง่าย แต่อารยชน ทำความชั่วได้ยาก"


ที่มา เว็บ84000.org

--------------------

ใหม่เมืองเอก สรุปท้ายบทความ

กล่าวคือ คำทูลขอต่อพระพุทธเจ้าของพระเทวทัตนั้น หากภิกษุรูปไหนอยากจะปฏิบัติตาม ก็ไม่ได้นับว่าผิดแต่อย่างใด ใครใคร่ปฏิบัติก็ตามสบาย

แต่สิ่งที่จะผิดก็คือ เมื่อปฏิบัติตามข้อวัตรที่พระเทวทัตทูลขอพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าได้อวดอ้างว่า เราทำดีกว่า เรามักน้อยกว่า เราสันโดษกว่าภิกษุรูปอื่น ๆ แล้วนำข้อวัตรเหล่านี้เพื่อไปติเตียนภิกษุรูปอื่น ๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างนี้ ว่าท่านผิด ว่าท่านมักมาก ว่าท่านไม่สันโดษ

อย่างเช่น การไม่ฉันเนื้อสัตว์ พระรูปใดปราถนาจะไม่ฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงห้าม เพียงแต่อย่าได้นำมากำหนดเป็นข้อห้ามพระรูปอื่น ๆ ว่าต้องทำตามเท่านั้นครับ


คลิกอ่าน ทั้งพระเทวทัตและพระบิดาถูกธรณีสูบลงอเวจีทั้งคู่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก