นายสุรพงษ์ ชัยนาม
'สุรพงษ์ ชัยนาม'จวกเขมรไม่ให้เกียรติไทย ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของนักการทูต แสดงเจตนาให้เห็นว่า ไม่เคารพและให้เกียรติในอธิปไตยของไทย....
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยกล่าวถึงข้อกล่าวหาว่ากัมพูชาดักฟังโทรศัพท์นักการทูตของไทยว่า แม้ว่าอนุสัญญากรุงเวียนนาว่า ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตจะไม่กำหนดชัดเจนว่า ห้ามมิให้ประเทศผู้รับทูตดักฟังโทรศัพท์
แต่อนุสัญญาฯดังกล่าว ก็วางหลักเอาไว้ว่า ประเทศผู้รับทูตต้องส่งเสริมอำนวยความสะดวกให้ทูตได้ทำหน้าที่ โดยปราศจากอุปสรรค ไม่ทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความบาดหมาง หรือหวาดระหว่างซึ่งกันและกัน
อดีตเอกอัครราชทูตไทย กล่าวว่ การที่กัมพูชาอ้างว่า รู้ข้อมูลการสนทนาของนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงพนมเปญ กับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ซึ่งอาจจะมาจากการดักฟังทางโทรศัพท์
ก็เป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกัน ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของนักการทูต แม้จะไม่ใช่นักการทูตก็ไม่ควรทำ เป็นสิ่งที่กัมพูชาไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
อดีตเอกอัครราชทูตไทย กล่าวอีกว่า ถ้ามีหลักฐานว่า มีการดักฟังโทรศัพท์ของนักการทูตจริง ก็แสดงเจตนาให้เห็นว่า กัมพูชาไม่เคารพและให้เกียรติในอธิปไตยของไทย เพราะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาดักฟังกันตลอดหรือไม่
ซึ่งถือว่า ฝ่าฝืนหลักความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างร้ายแรง ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมที่ประเทศที่มีอารยะพึงปฎิบัติ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังเป็นประเทศอนารยะคือไม่มีความเป็นอารยะ
ผู้สื่อข่ามถามถึงกรณีที่ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศไม่ยอมรับรัฐบาลชุดปัจจุบัน อดีตเอกอัครราชทูตไทย กล่าวว่า ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้นักโทษหนีคดีเคลื่อนไหวปลุกระดมโค่นล้มรัฐบาลไทย ถือว่าทำผิดกฎบัตรสหประชาชนอย่างร้ายแรง
แต่ฮุน เซนไม่แคร์เพราะสมเด็จฮุน เซน คือ ทุกสิ่งทุกอย่างของกัมพูชา ไม่มีระบบถ่วงดุลใดๆ ทั้งสิ้นเขาจึงเล่นการเมืองโดยไม่สนใจมารยาททางการทูต
อดีตเอกอัครราชทูตไทย กล่าวว่า การที่เขาออกมาแสดงท่าทีแทรกแซงข่มขู่ เหยียดหยามประเทศไทย ก็เพราะต้องการให้นายอภิสิทธิ์ ตบะแตกหมดความอดทนแล้วลงไปคลุกโคลนกับเขาด้วย
ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ต้องแสดงให้โลกเห็นถึงความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดไม่ กลายเป็นอันธพาลทางการเมืองเหมือนฮุนเซน แต่ก็ต้องใช้วิธีการทางทูตในทางลับตอบโต้กลับไปซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลได้เตรียมแผนไว้แล้ว.
“รัฐบาลต้องยืนยันเงื่อนไข 3 ข้อ ที่เป็นสาเหตุของปัญหาทั้งหมดคือการที่กัมพูชาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมและแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายศิวรักษ์ ถึงแม้กัมพูชาจะปล่อยตัวมาแต่ถ้าเงื่อนไข 3ข้อยังอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องปรับระดับความสัมพันธ์”อดีตเอกอัครราชทูตไทย
.
.
ข่าวจาก ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก