.
.
(โดย ประชาชาติธุรกิจ)
.
เจาะขุมทรัพย์ 1,000 ล้าน "ป๋าเบิร์ด" VS "แอ๊ดบาว" ซูเปอร์สตาร์ มาร์เก็ตติ้ง ใครรวยกว่าใคร?ถ้าในวงการเศรษฐีหุ้น ต้องยกให้ เสี่ยตึ๋ง อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าพ่อแลนด์แอนด์เฮ้าส์ แต่ถ้าในการศิลปินนักร้อง ระดับแถวหน้า ถามว่า ใครรวยกว่าระหว่าง ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว เจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิต กับ เสี่ยเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซูเปอร์สตาร์ค่ายเพลงดัง ... เราจะพาไปเปิดกระเป๋าของอภิศิลปินระดับเสี่ย
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาแวดวงศิลปินนักร้องในเมืองไทยมีนักร้องระดับตำนานอยู่ 2 คน
หนึ่ง ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว เจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิต
อีกหนึ่ง เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซูเปอร์สตาร์ค่ายเพลงดัง
บทเพลงของคนทั้งคู่ติดหูคนฟังมานาน แต่ไม่มีเครื่องวัดความดังว่ากี่เดซิเบล และใครดังกว่ากัน
ทั้ง 2 คนต่างมีแฟนคลับทุกเพศทุกวัยนับล้านคน โดยเฉพาะรายหลังว่ากันว่าไม่สามารถนั่งกินข้าวแกงข้างถนน หรือเดินไปช็อปปิ้งในเมืองไทยได้ เนื่องจากมีแฟนคลับรุมกรี๊ดรุมตอมคับคั่ง
"แอ๊ด" เป็นเจ้าของบทเพลงเกือบ 100 อัลบั้ม
ขณะที่ผลงานของ "เบิร์ด" มียอดขายสูงลิ่วกว่า 20 ล้านชุด ทำให้มีฐานะระดับท็อปในหมู่นักร้องด้วยกัน
หากตั้งคำถามว่า "แอ๊ดบาว" กับ "ป่าเบิร์ด" ใครรวยกว่ากัน?
เชื่อว่าหลายคนอยากรู้คำตอบ
"แอ๊ด" เกิดปี 2497 เป็นคนตำบลท่าพี่เลี้ยง จ.สุพรรณบุรี เป็นลูกแฝดคนเล็ก ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย เรียนชั้นประถมศึกษาโรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ ระดับมัธยมโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย ระดับอุดมศึกษาที่อุเทนถวาย และบินไปเรียนต่อระดับปริญญาที่ประเทศฟิลิปปินส์
ขณะเรียนร่วมกับ กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือ เขียว คาราบาว เพื่อนสมัยเรียนที่ฟิลิปปินส์ก่อตั้งวงคาราบาว เรียนจบเข้าทำงานเป็นสถาปนิกที่การเคหะแห่งชาติ 5 ปีและเล่นดนตรีตอนกลางคืนไปด้วย จากนั้นเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงแฮมเมอร์
จากการตรวจสอบพบว่า "แอ๊ด" เปิดห้องบันทึกเสียงครั้งแรก ปี 2528 ชื่อ บริษัท บัฟฟาโล่เฮด ทุน 4 ล้านบาท อยู่แถวริมคลองวัดพระงาม อ.เมือง จ.นครปฐม4 ปีจากนั้นลุยธุรกิจเพลง 4 แห่งรวด
ปี 2532 ก่อตั้ง บริษัท วินด์ซอง จำกัด ทุน 12 ล้านบาทเศษ อยู่ในจังหวัดนครปฐมเช่นเดียวกัน
ปี 2534 ก่อตั้ง บริษัท ออบาแร็ค จำกัด ทุน 12 ล้านบาทเศษ อยู่ในซอยหลังสนามกอล์ฟ ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงหัวหมาก ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับ นายศุภชัย จันท์แสนโรจน์ นางวาสนา ศิลปิกุล เจ้าของบริษัท เทเลซีน, เขียว-กีรติ, เล็ก-ปรีชา ชนะภัย, เทียรีสุทธิยง เมฆวัฒนา, ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี, อนุพงษ์ ประถมปัทมะ และ อำนาจ ลูกจันทร์
ปี 2538 ก่อตั้ง บริษัท กระบือแอนด์โค จำกัด ทุน 1 ล้านบาท อยู่แถวถนนอุดมสุข แขวงหนองบอน เขตประเวศ นางวาสนา ศิลปิกุล ถือหุ้นใหญ่
ปี 2544 ก่อตั้ง บริษัท มองโกล จำกัด ทุน 1 ล้านบาท อยู่ในซอยลาดพร้าว 64 กรุงเทพฯ แอ๊ด ลินจง ภรรยา และเพื่อนวงคาราบาวร่วมถือหุ้น
หลังจากธุรกิจเพลงเริ่มอิ่มตัว "แอ๊ด" แปรวิกฤตเป็นโอกาส แปลง "ซูเปอร์สตาร์" เป็น "ทุน" ร่วมหุ้นกับเสี่ย เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อคาราบาวแดง ในชื่อ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2544 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
ตัวแอ๊ดถือหุ้น 516,500 หุ้น หรือ 25.8% มูลค่า 51.6 ล้านบาท, นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ 540,000 หุ้น หรือ 27% มูลค่า 54 ล้านบาท, นายเสถียร 380,000 หุ้น คือ 19% มูลค่า 38 ล้านบาท, นางดารารัตน์ เศรษฐสิทธิ์ 300,000 หุ้น หรือ 15% มูลค่า 30 ล้านบาท, นายสุพจน์ ธีระวัฒนชัย 190,000 หุ้น หรือ 9.5% มูลค่า 19 ล้านบาท
"ลิโพ" จับตลาดบน แต่ "คาราบาวแดง" จับตลาดล่าง ขายถูกกว่า นอกจากนี้ "แอ๊ด" ยังแต่งเพลงและเป็นพรีเซ็นเตอร์อีกด้วย ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูด
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ปี 2549 เครื่องดื่มคาราบาวแดง มีรายได้ 1,364.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.3 ล้านบาท ปี 2550 รายได้ 1,934.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 61.7 ล้านบาท ปี 2551 รายได้ 2,256.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 145.4 ล้านบาท
เท่ากับสร้างเม็ดเงินให้เจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตมากสุดในขณะนี้ และเจ้าตัวยังไม่มีทีท่าที่จะขายหุ้นให้กลุ่ม นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อเบียร์ช้างแต่อย่างใด
ขณะที่บริษัท มองโกล มีรายได้ไม่มากนัก ปี 2549-2551 รายได้ 13.8 ล้านบาท, 17.8 ล้านบาท, 21.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.5 ล้านบาท, 9 แสนบาท, 8 แสนบาท ตามลำดับ
บริษัท กระบือแอนด์โค ปี 2549-2551 รายได้ 10.7 ล้านบาท, 9.6 ล้านบาท, 7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1 แสนบาทเศษ, 4 แสนบาทเศษ, ขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนอีก 3 บริษัทเลิกกิจการนานแล้ว
"แอ๊ด" ยังมีรายได้จากแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ละคร หลายเรื่อง งานโฆษณาหลายชิ้น เช่น เพื่อเมืองไทยด้วยใจและใจของโค้ก เพลงประกอบโฆษณาเบียร์ช้าง รถปิกอัพโตโยต้า แต่งเพลงให้รายการเกมส์แก้จน รวมทั้งเล่นหนัง
"แอ๊ด" ชอบไก่ชนตัวละนับแสนบาท จนได้รับแต่งตั้งเป็นนายกสมาคมส่งเสริมอาชีพไก่ชนไทย มีเครือข่ายนักธุรกิจและนักการเมือง อาทิ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งซีพี สมศักดิ์ เทพสุทิน และมีที่ดินจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเมืองกาญจน์
ขณะที่ "เบิร์ด" อายุน้อยกว่า เกิดปี 2501 เป็นลูกคนที่ 9 ใน 10 คน เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนนิมมานรดี ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนปัญญาวรคุณ ระดับอนุปริญญาที่วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี เคยทำงานแบงก์กสิกรไทย สาขาท่าพระ ฝ่ายต่างประเทศ และรับจ๊อบถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา กระทั่ง ไก่-วรายุทธ มิลินทจินดา ชักชวนให้เล่นละคร "น้ำตาลไหม้" ทำให้เป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงหน้าใหม่
กระทั่งเข้าสู่วงการเพลง
"เบิร์ด" เป็นนักร้องไม่กี่คนที่ถือหุ้นและนั่งเป็นกรรมการในเครือแกรมมี่ ได้แก่ บริษัท แกรมมี่ ภาพยนตร์ จำกัด, บริษัท เบิร์ด ไลเซ็นส์ จำกัด, บริษัท เมจิค ฟิล์ม จำกัด และ หจก.พรพิริช (ขายสินค้า)
มีธุรกิจส่วนตัว 2 แห่ง ชื่อ บริษัท ยูนิคซัพพลาย ก่อตั้งปี 2527 ด้วยทุน 1 ล้านบาท อยู่ในหมู่บ้านสุขใจ ถนนรามคำแหง โดยมี นางแคธริน-พันโทยงยุทธ นันทิทรรภ นางสุธา พิจิตรคดีพล ร่วมถือหุ้น และ บริษัท บี.พูล จำกัด ก่อตั้ง ปี 2539 ทุน 1 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเลิกกิจการ ยกเว้น "เมจิค ฟิล์ม" ซึ่งมีรายได้ปีละไม่กี่ล้านบาทและขาดทุนหลายปีติดต่อกัน
ในยุคขาขึ้น "เบิร์ด" มีรายได้จากโฆษณาสินค้าหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือมันฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง ได้ค่าตัวสูงปรี๊ด ระยะหลังมีงานโฆษณาน้อยชิ้น ที่ยังพอเห็นคือพรีเซ็นเตอร์ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ค่าตัวยังแพงลิ่วกว่า 7 หลัก
"เบิร์ด" มีบ้านหรูและที่ดินกว่า 100 ไร่อยู่ใน ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เครือญาติเปิดบริษัทออแกไนซ์อยู่ย่านถนนปิ่นเกล้า สินทรัพย์รวมนับร้อยล้าน
เบิร์ดอาจมีขุมข่าย สายป่าน และความเป็นธุรกิจ อาจไม่ลึกเท่า "แอ๊ด"
แต่งานเพลงของคนทั้งคู่ สร้างความสุขให้คนฟังเหมือนกัน
.
.
ขอบคุณบทความจาก ประชาชาติธุรกิจ
.
.
.
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก