วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

น้องธัญย์ พิการกับเงินช่วยเหลือ1.2แสนบาทจากสิงคโปร์





ากกรณีน้องธัญย์ เด็กหญิงไทยวัย14ปี ไปตกรางรถไฟฟ้าที่สิงคโปร์จนเธอต้องขาดขาดทั้งสองข้าง  แต่ด้วยความเข็มแข็ง และความเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี จิตใจดีของน้องธัญญ์ ทำให้น้องธัญญ์จึงเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการต่อสู้ชีวิต ไม่มัวจมอยู่ในสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว

น้องธัญย์ได้พูดถึงกรณีที่น้องได้รับพระราชทานขาเทียมอย่างดีจากสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งน้องธัญย์ตอบได้ดีมาก ว่าเพราะเหตุใด สมเด็จพระเทพฯจึงทรงพระราชทานขาเทียมให้แก่น้อง

และแม้น้องธัญย์จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกาชาดสิงคโปร์เพียงแค่1.2แสนบาท  เท่านั้น แต่น้องธัญย์ก็ไม่ได้โกรธรัฐบาลสิงคโปร์ แถมน้องธัญย์ยังอยากจะกลับไปเรียนต่อที่สิงคโปร์อีกครั้งด้วยซ้ำ

---------------------

แต่ในประเทศไทยก็มีคนวิพากษ์ วิจารณ์ว่า ทำไมรัฐบาลสิงคโปร์ถึงได้ใจจืดใจดำ ให้เงินทำขวัญน้องธัญย์แค่1.2แสนบาทเท่านั้น?!?

ผมใหม่เมืองเอก ขอแสดงความคิดเห็น ในเรื่องกรณีน้องธัญย์ กับเงินช่วยเหลือของสิงคโปร์ตามนี้ครับ

V


V

คือผมมองว่า รัฐบาลสิงคโปร์ เขามองในผลระยะยาว มากกว่าครับ

เราต้องยอมรับว่า รัฐบาลสิงคโปร์ เขาเก่งที่สุดในเรื่องกำราบผู้คนในประเทศเขา ให้ต้องอยู่ในระเบียบวินัย


อย่าว่าแต่ตกรถไฟเลยครับ

ต่อให้คนในประเทศเขาถูกรถชนใต้สะพานลอย คนตายก็ผิดทันทีครับ

เพราะคุณไม่ข้ามสะพานลอย เมื่อโดนรถชนก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป ถ้าเป็นประเทศไทย คนชนก็ยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้คนตาย


แต่กรณีน้องธัญย์ ผมว่า เราขาดภาพวงจรปิดนะ ผมคิดว่าน่าจะมีภาพวงจรปิด แต่กลับไม่เคยเห็น ว่าจริงๆแล้วมันเป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นความสะเพร่าของน้อง หรือมีใครแกล้งผลักน้องให้ตกลงไป??

หรือภาพวงจรปิด อาจถูกรัฐบาลสิงคโปร์ทำลายไปแล้วก็ได้ เพราะถ้าทางฝ่ายเขาเป็นฝ่ายผิด ประเทศเขาก็เสียชื่อเสียง!!

ก็อย่างว่า รัฐบาลสิงคโปร์ เขาเคี่ยวครับ เขาถือว่า มีเส้นเหลือง ห้ามคนล้ำเส้นเหลือง

ถ้าคุณล้ำจนตกลงไป รัฐบาลสิงคโปร์ก็ต้องว่าคุณนั่นแหล่ะผิด


เพราะประเทศสิงคโปร์ ไม่มีคำว่าปราณีครับ

นี่เพราะน้องธัญย์เป็นเด็กไทย และเป็นข่าวดัง สื่อให้ความสนใจมาก รัฐบาลสิงคโปร์เลยจำใจต้องช่วยเหลือ


แต่ถ้าเป็นคนสิงคโปร์เองตกลงไป อย่าว่าแต่แสนสองเลยครับ บาทเดียวก็อาจไม่ได้ (คงได้แต่เงินประกันชีวิตส่วนตัว)

เผลอๆจะโดนฟ้องว่า ทำให้รถไฟฟ้าเขาต้องหยุดชะงักกลางคัน เสียเวลา โดนฟ้องกลับอีกต่างหากครับ


-------------


อย่างในเมืองไทยก็เหมือนกัน ถ้ารถข้ามทางแล้วโดนรถไฟชน

รถไฟไม่มีความผิดครับเพราะรถไฟเขาวิ่งบนทางของเขา

รถยนตร์จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้การรถไฟด้วยซ้ำครับ ถ้าทำให้รถไฟเขาเสียหาย

-------------------------

เงินกาชาดช่วยเหลือ ไม่ใช่เงินรัฐบาลสิงคโปร์

ผมขอยกเอาความเห็นของคุณJust1Guy จากบอร์ดสนุกว่าที่จริงแล้วเงิน1.2แสนบาท ก็ไม่ได้มาจากรัฐบาลสิงคโปร์ แต่เป็นเงินบริจาคจากกาชาดสิงคโปร์ มาเพิ่มเติมตามนี้

V

V

เรื่องของเรื่องคือน้องเค้าเป็นนักเรียนไปเรียนอยู่ที่สิงคโปร์ ไปอยู่มาพักนึงแล้ว เกิดอุบัติเหตุตกลงไปบนรางรถไฟ ถูกรถไฟชนได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บบริเวณขาหนักมากกว่าที่อื่น แพทย์จึงต้องทำการตัดขาออกเพื่อช่วยชีวิต น้องเค้าอยู่ใน ICU เกือบสองเดือนมั้ง

ไม่ได้ถูกรถไฟทับขาขาด

ทางขนส่งสิงคโปร์ที่ดูแลการรถไฟเสนอให้เงินค่าชดเชย 5000 USD (เหรียญสหรัฐ ประมาณ 150000 - 200000 บาทขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) 

แต่ผู้เป็นพ่อไม่เอา บอกว่าไม่เพียงพอแม้แต่เป็นค่าโรงพยาบาลที่สิงคโปร์ (บิลค่าโรงพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 46000 USD ( ประมาณ 1380000 - 1840000 บาท )

ตอนนี้กำลังให้ทนายความดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอยู่

เงินสองแสนที่ได้มา ได้มาจากกาชาดประจำประเทศสิงคโปร์ โดยเงินส่วนใหญ่มาจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามที่บริจาคเพื่อเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะ ไม่ได้มาจากรัฐบาลหรือการรถไฟ ทางผู้เป็นพ่อเองยังต้องวิ่งเต้นหาเงินเพื่อนอกจากจะเป็นค่าใช้จ่ายในการพยาบาลแล้ว ยังต้องเตรียมสำหรับค่าขาเทียมอีกด้วย

ทางตำรวจสิงคโปร์ยังดำเนินการสืบสวนคดีนี้อยู่ และทางการรถไฟก็ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยอยากจะให้มีการทำประตูหรือคอกกั้น สามารถหาอ่านได้ที่นี่ http://forums.asiaone.com/showthread.php?t=40306


----------------

รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ในโลกไม่มีรั้วกั้น

ที่เกาหลี



ที่ลอนดอน



ที่อเมริกา



ที่ไต้หวัน




ที่วอชิงตัน



มาตรฐานคนไทย อาจจะสบาย ๆ เช่นขี่มอไซค์สวนเลน ไปโดนรถชนตาย คนขับรถยนต์ยังต้องจ่ายเงินให้มอไซค์

เมืองไทยขับรถขนคนตายใต้สะพานลอย คนขับรถก็ต้องจ่ายเงินให้คนตาย

นี่แหละมาตรฐานไทย ๆ ซึ่งเอาไปเทียบกับต่างประเทศไม่ได้เลย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก