.
มติชนวิเคราะห์
.
.
ทักษิณ"ร่วมมือ"ฮุนเซน"จับ"สปายไทย"กลบข่าว"ปากไว"สร้าง"จิ๋ว"เป็น "ฮีโร่"หักหน้า"อภิสิทธิ์"
ไปไหนมาไหนเจอแต่คำถามว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่าระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาโดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นชนวนเหตุ จะจบลงอย่างไร โดยเฉพาะความขัดแย้งมีทีท่าจะลุกลามเพิ่มมากขึ้น
เมื่อรัฐบาลฮุนเซนจับวิศวกรชาวไทย ตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็น"สปาย"หรือ"จารชน"ขโมยข้อมูลตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อแจ้งให้สถานทูตไทยในกรุงพพนมเปญทราบ จนเป็นข้ออ้างในการขับเจ้าหน้าที่ทูตไทยกลับประเทศภายใน 48 ชั่วโมง
ข่าวดังกล่าวได้ถูกกระพือให้เป็นจริงเป็นจังมากขึ้นโดย ส.ส.เพื่อไทย เช่น อ้างว่า เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่บินกลับไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่กล้าบินผ่านน่านฟ้าไทย เพราะกลัวถูกสอย เลยต้องบินอ้อมทางอ่าวไทย
นักข่าวอาวุโสรายหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ในต่างประเทศและติดตามข่าวต่างประเทศมานานวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเกมที่พ.ต.ท.ทักษิณร่วมกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสร้างขึ้นเพื่อต้องการกลบข่าว"ปากไว"ของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งให้สัมภาษณ์ไทม์สออนไลน์พาดพิงถึงสถาบัน ทำให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างกว้างขวาง
ขณะเดียวกันทั้งพ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฮุนเซนนั้นมีเป้าหมายเดียวกันต้องการโค่นล้มนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพ้นจากเก้าอี้ แต่ด้วยเหตุผลต่างกันคือ สมเด็จฮุนเซนเห็นว่า ถ้าปล่อยให้นายอภิสิทธิ์เติบโตขึ้นและสามารถอยู่ในตำแหน่งได้นาน อาจเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอาเซียน
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับมาครองอำนาจได้ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆด้วยคือสมเด็จฮุนเซน
เท่ากับกัมพูชายิงกระสุนนัดเดียวได้ นกถึง 2 ตัว
การจับวิศวกรไทยโดยยัดข้อหาจารกรรม นอกจากเป็นกลบข่าว"ปากไว"แล้ว ยังทำให้กระแสข่าวพุ่งเป้าไปที่นายอภิสิทธิ์ว่า จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
แน่นอนว่า สมเด็จฮุนเซนต้องเล่นเกมแรงเพื่อทำให้ดูว่า นายอภิสิทธิ์ไร้น้ำยาที่จะช่วยเหลือวิศวกรไทยได้
อย่าลืมว่า กลุ่มบริษัทสามารถของตระกูลวิไลลักษณ์ลงทุนอยู่กัมพูชานานนับสิบปี จึงมีสายสัมพันธ์อันดักับรัฐบาลฮุนเซนอย่างมาก แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือพนักงานบริษัทที่ตกเป็นจำเลยในครั้งนี้ได้
เมื่อวิกฤตการจับวิศวกรไทยถูกปลุกจนถึงขีดสุด(มีการตัดสินจำคุกเพื่อให้เห็นว่าผิดจริง)และเห็นว่า รัฐบาลไทยไม่สามารถช่วยเหลือวิศวกรไทยได้
ก็จะมีบุรุษร่างอ้วน ใสแว่นปราดเข้ามาทำทีเป็นเจรจากับรัฐบาลฮุนเซน พาวิศวกรไทยกลับบ้านเยี่ยง"วีรบุรุษ"ในรูปของการอภัยโทษตามการขอร้องของมหามิตรอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยหรือของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยลอกซีนมาจากนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่นำนักข่าวอเมริกันที่ถูกเกาหลีเหนือจับตัวไปกลับบ้านได้สำเร็จ
นอกจาก พล.อ.ชวลิต จะได้คะแนนนิยมไปเต็มๆแล้ว ยังเป็นการตบหน้ารัฐบาลอภิสิทธิ์ฉาดใหญ่
ขณะเดียวกันก็เป็นการปูทางให้พล.อ.ชวลิตกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งรหว่างไทย-กัมพูชาอีกด้วย
แต่เมื่อพล.อ.ชวลิตเป็นนายกฯแล้วภารกิจที่สำคัญกว่า คือการทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง!!
ทักษิณ"ร่วมมือ"ฮุนเซน"จับ"สปายไทย"กลบข่าว"ปากไว"สร้าง"จิ๋ว"เป็น "ฮีโร่"หักหน้า"อภิสิทธิ์"
ไปไหนมาไหนเจอแต่คำถามว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่าระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาโดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นชนวนเหตุ จะจบลงอย่างไร โดยเฉพาะความขัดแย้งมีทีท่าจะลุกลามเพิ่มมากขึ้น
เมื่อรัฐบาลฮุนเซนจับวิศวกรชาวไทย ตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็น"สปาย"หรือ"จารชน"ขโมยข้อมูลตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อแจ้งให้สถานทูตไทยในกรุงพพนมเปญทราบ จนเป็นข้ออ้างในการขับเจ้าหน้าที่ทูตไทยกลับประเทศภายใน 48 ชั่วโมง
ข่าวดังกล่าวได้ถูกกระพือให้เป็นจริงเป็นจังมากขึ้นโดย ส.ส.เพื่อไทย เช่น อ้างว่า เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่บินกลับไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่กล้าบินผ่านน่านฟ้าไทย เพราะกลัวถูกสอย เลยต้องบินอ้อมทางอ่าวไทย
นักข่าวอาวุโสรายหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ในต่างประเทศและติดตามข่าวต่างประเทศมานานวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเกมที่พ.ต.ท.ทักษิณร่วมกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสร้างขึ้นเพื่อต้องการกลบข่าว"ปากไว"ของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งให้สัมภาษณ์ไทม์สออนไลน์พาดพิงถึงสถาบัน ทำให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างกว้างขวาง
ขณะเดียวกันทั้งพ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฮุนเซนนั้นมีเป้าหมายเดียวกันต้องการโค่นล้มนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพ้นจากเก้าอี้ แต่ด้วยเหตุผลต่างกันคือ สมเด็จฮุนเซนเห็นว่า ถ้าปล่อยให้นายอภิสิทธิ์เติบโตขึ้นและสามารถอยู่ในตำแหน่งได้นาน อาจเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอาเซียน
ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับมาครองอำนาจได้ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆด้วยคือสมเด็จฮุนเซน
เท่ากับกัมพูชายิงกระสุนนัดเดียวได้ นกถึง 2 ตัว
การจับวิศวกรไทยโดยยัดข้อหาจารกรรม นอกจากเป็นกลบข่าว"ปากไว"แล้ว ยังทำให้กระแสข่าวพุ่งเป้าไปที่นายอภิสิทธิ์ว่า จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
แน่นอนว่า สมเด็จฮุนเซนต้องเล่นเกมแรงเพื่อทำให้ดูว่า นายอภิสิทธิ์ไร้น้ำยาที่จะช่วยเหลือวิศวกรไทยได้
อย่าลืมว่า กลุ่มบริษัทสามารถของตระกูลวิไลลักษณ์ลงทุนอยู่กัมพูชานานนับสิบปี จึงมีสายสัมพันธ์อันดักับรัฐบาลฮุนเซนอย่างมาก แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือพนักงานบริษัทที่ตกเป็นจำเลยในครั้งนี้ได้
เมื่อวิกฤตการจับวิศวกรไทยถูกปลุกจนถึงขีดสุด(มีการตัดสินจำคุกเพื่อให้เห็นว่าผิดจริง)และเห็นว่า รัฐบาลไทยไม่สามารถช่วยเหลือวิศวกรไทยได้
ก็จะมีบุรุษร่างอ้วน ใสแว่นปราดเข้ามาทำทีเป็นเจรจากับรัฐบาลฮุนเซน พาวิศวกรไทยกลับบ้านเยี่ยง"วีรบุรุษ"ในรูปของการอภัยโทษตามการขอร้องของมหามิตรอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยหรือของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยลอกซีนมาจากนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่นำนักข่าวอเมริกันที่ถูกเกาหลีเหนือจับตัวไปกลับบ้านได้สำเร็จ
นอกจาก พล.อ.ชวลิต จะได้คะแนนนิยมไปเต็มๆแล้ว ยังเป็นการตบหน้ารัฐบาลอภิสิทธิ์ฉาดใหญ่
ขณะเดียวกันก็เป็นการปูทางให้พล.อ.ชวลิตกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งรหว่างไทย-กัมพูชาอีกด้วย
แต่เมื่อพล.อ.ชวลิตเป็นนายกฯแล้วภารกิจที่สำคัญกว่า คือการทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง!!
.
.
บทความจาก มติชนวิเคราะห์
.
.
จากไทยรัฐ 17พ.ย.52 http://www.thairath.co.th/content/pol/47214
ตอบลบผู้สื่อข่าวถามนายกฯอภิสิทธิ์ว่า นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมที่จะไปเจรจาให้ทางการกัมพูชาปล่อยตัวนายศิวรักษ์หากรัฐบาลไทยร้องขอความร่วมมือไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "จริงๆแล้วเจ้าตัวเป็นคนสร้างปัญหาไว้ทั้งหมด"
เมื่อถามว่า สถานการณ์จุดใดที่จะทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชากลับมาสู่จุดเดิมได้?
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ถ้าเราสามารถปฏิบัติต่อกันเหมือนกับก่อนหน้าที่ทางพรรคฝ่ายค้านไปดำเนินการ
เมื่อถามอีกว่า การพุดคุยกับทางการกัมพูชาในการดำเนินการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ มีความหวังได้มากน้อยแค่ไหน?
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าการพูดคุยไปถึงระดับไหนแล้ว แต่คิดว่าได้พูดคุยทางกัมพูชาน่าจะตอบสนองไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเป็นกรณีที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างกันเพิ่มขึ้นอีกซึ่งตนไม่เข้าใจว่าจะทำไปเช่นนั้นเพื่ออะไร!?