วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จากเพื่อนถึงเพื่อน เอกยุทธ อัญชันบุตร







เกริ่น

นายเอกยุทธ เคยทำแชร์ชาร์เตอร์ จนเมื่อพลเอกเปรม ออกกฎหมายควบคุมแชร์ หลังจากมีคดีแม่ชม้อยและแม่นกแก้วล้ม จึงเป็นผลให้แชร์ชาร์เตอร์เลยเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วย (แต่ตอนนั้นแชร์ชาร์เตอร์ยังไม่ล้ม) โดยนายเอกยุทธอ้างว่า บริษัทของเขาดำเนินธุรกิจโดยมีการค้าขายจริง ที่ไม่ใช่รูปแบบเดียวกับแชร์แม่ชม้อย และแชร์แม่นกแก้วทำ

ต่อมานายเอกยุทธ จึงหนีคดีไปยุโรป จนคดีหมดอายุความ

เพราะนายเอกยุทธ ถูกยึดทรัพย์สินในไทยจำนวนมาก จึงแค้นใจต้องการล้มพลเอกเปรม เพื่อแก้แค้น นายเอกยุทธจึงลงทุนให้ 2 พี่น้องนายทหาร มนูญ-มนัส รูปขจร ทำการรัฐประหารพลเอกเปรม แต่ไม่สำเร็จ

ต่อมานายเอกยุทธ กลับเมืองไทย ประกาศต่อต้านระบอบทักษิณ เพราะนายเอกยุทธรู้เช่นเห็นชาติทางหนีทีไล่ของพวกคนโกงเป็นอย่างดี

ผมจำได้ว่า เคยดูนายเอกยุทธเคยให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีรายการหนึ่งนานมาแล้วว่า ทักษิณต้องมีทรัพย์สินซุกซ่อนก่อนเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่ต่ำกว่า 1-2 แสนล้านบาทในต่างประเทศ

ส่วนช่วงหลัง นายเอกยุทธคงอยากทำความดีไถ่โทษล่ะมั้ง ?

แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะโดนเก็บเสียก่อน

akecity




------------------

จากเพื่อน หน้า 1 ไทยรัฐ

เอกยุทธ

“เอกยุทธ อัญชันบุตร” ในสายตาเพื่อนพ้องน้องพี่ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจ ใจกว้างรักเพื่อนมากกว่ารักมิ่งมิตรทางธุรกิจ ยอมทิ้งนัดหมายทางธุรกิจได้มากกว่าจะทิ้งเพื่อน

คนที่คบหาใกล้ชิดน่าจะเห็นตรงกันว่า...เขาเป็นคนใจถึง พึ่งได้

แต่กับลูกน้อง ถือว่าเป็นนายที่ดุ...ดุในระดับที่ดุมากๆ เวลาจะใช้ค่อนข้างจะแรง แข็งกร้าวทีเดียว ทั้งท่าที คำพูด...ขนาดคนที่รู้จักเห็นแล้วอาจจะรู้สึกว่าเหมือนโกรธ แต่ความจริงไม่ได้โกรธ

“แต่เห็นปากจัด ดุๆ อย่างนี้ ลูกน้องก็รักใคร่พอสมควร แต่กับลูกน้องบางคนไม่รู้ว่าในใจลึกๆคิดอะไรอยู่บ้าง น่าสนใจว่านายคนนี้ไม่เคยแสดงท่าทีดุ แรงกับกลุ่มลูกน้องที่เป็นบอร์ดี้การ์ด รักษาความปลอดภัย”

ประสบการณ์เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทคุ้นเคยที่เคยนั่งรถไปด้วยกัน เคยเจอกับคนขับรถส่วนใหญ่จะอายุ 30-40 ปี เป็นรุ่นใหญ่ทั้งนั้น เห็นข่าวยังแปลกใจทำไมไปกับคนขับรถแค่ 2 คน เพราะถ้าเป็นวันธรรมดาไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนแค่ 2 คน นั่งรถก็จะมีคนขับรถ มีบอร์ดี้การ์ดถือปืนนั่งข้างหน้า แล้วก็จะมีรถแวนขับตามอีกคัน

“จะไปพบใคร จะมีบอร์ดี้การ์ดตามตลอด”

สวนน้ำตก โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เป็นที่ประจำของเอกยุทธ อัญชันบุตร...บริเวณนี้เป็นโอเพ่นแอร์ จะได้นั่งสูบซิการ์ได้อย่างสบายอารมณ์ ...

ประเด็น ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ที่เป็นข่าวดังช่วงที่ผ่านมา เอกยุทธไม่ได้นั่งอยู่ที่ประจำ หากแต่อยู่ในล็อบบี้กินกาแฟอยู่ตอนกลางวัน บังเอิญเห็นนายกฯเดินผ่านพอดี

สำหรับสวนน้ำตกด้านนอก เป็นที่พิเศษที่จะนั่งอยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ พรรคพวกกัน ตรงนี้ไม่มีใครเดินผ่านแต่จะเป็นจุดที่ไฮโซทั้งหลายชอบมานั่ง เอกยุทธจะมีมุมเฉพาะ ด้านข้างเป็นบ่อปลาคาร์พ ตรงนั้นจะไม่มีใครกล้ามานั่ง เพราะจะรู้กันดีว่า เป็นที่ประจำของเอกยุทธ อัญชันบุตร

อีกกิจกรรมที่ทำ...นั่งกินไวน์ เป็นไวน์ที่เอามาจากอังกฤษเป็นลัง ๆ มาฝากไว้ที่ห้องอาหาร แล้วใครจะมาพบก็จะนัดมาเจอกันที่นี่ ชวนมานั่งกินไวน์ นั่งยาวกันไปจนถึง 4-5 ทุ่มแล้วก็กลับ อาทิตย์หนึ่งมี 7 วัน จะมานั่งโฟร์ซีซั่นส์ 1-2 วัน

เอกยุทธเป็นคนระวังตัวมากๆ บอร์ดี้การ์ดมีหลายคนนะ สังเกตก็พอรู้ ใส่ชุดซาฟารีสีดำ สีน้ำเงินจะนั่งกันอยู่ตรงสวน 3-4 คน เข้าห้องน้ำก็จะเดินตามตลอด ติดตามใกล้ชิดไปจนกระทั่งกลับถึงบ้าน

ยิ่งน่าแปลกใจ กรณีที่เกิดขึ้นกินข้าวที่ร้านกระแตย่าน สะพานควาย...ทั้งที่เป็นวันธรรมดากลับไม่มีบอร์ดี้การ์ดอยู่ข้างตัวสักคนเดียว !?

“โฟร์ซีซั่นส์คือมุมสงบที่เอกยุทธ อัญชันบุตร มีให้กับเพื่อน ที่นี่เขาจะนั่งจิบไวน์อยู่กับเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่วันเวลาทำให้แต่ละคนมีสีมีค่าย ทั้งแดง ทั้งเหลือง...คนในแวดวงการเมือง รวมถึงคนในแวดวงนักธุรกิจ การเงินที่รู้ก็จะเข้ามาทักทาย พูดคุย”

ในอดีตถ้าเป็นวันหยุด เสาร์...อาทิตย์ ด้วยความที่ชอบขับรถสปอร์ต

มีคนถามว่าทำไมไม่มีการ์ด ?

เอกยุทธพูดติดตลกทีเล่นทีจริงบอกว่า “ไม่เอาหรอกพี่ อยู่เงียบๆก็แต่งตัวนุ่งยีนส์สบายๆแล้วก็ขับรถสปอร์ต จะไปไหนมาไหนสะดวก มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า จะไปรับสาวที่ไหนก็ได้”

ย้อนอดีตวันวานภาพทรงจำของรุ่นพี่ผู้ใกล้ชิด “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ในวัยไม่ถึง 30 ปี เป็นคนหนุ่มไฟแรง รูปร่างผอม ตัวเล็กๆขับรถปอร์เช่ ช่วงเวลานั้นน่าจะมีเงินอยู่ในมือราวๆ 2,000 ล้านบาท

หลังจากทำชาร์เตอร์อินเวสต์เมนท์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคอมมอดิตี้...ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า คนใหญ่รุ่นเดียวกันที่ทำธุรกิจนี้ในช่วงเวลาใกล้ๆกันน่าจะเป็นทักษิณ ชินวัตร กับ พินิจ จารุสมบัติ

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนใจกว้าง ใจถึงมาก ไม่อย่างนั้นคงจะไม่กล้าขนเงินมาทำรัฐประหาร 9 กันยายน 2528

เอกยุทธ เคยเล่าให้ฟังว่า “ขนเงินสดใส่รถ 200 ล้านฯ เอาไปสนามเสือป่า” เพื่อใช้ปฏิวัติรัฐบาล

ความตั้งใจที่คุยกันในหมู่พี่ๆเพื่อนๆ เขายอมรับว่าตั้งใจปฏิวัติเพราะต้องการเอาคืนที่รัฐบาลออกพระราชบัญญัติการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เข้ามาจัดการแชร์ชาร์เตอร์
โดยที่มาที่ไปของเงินก้อนนี้ เป็นการลงทุนทำร้านอาหารไทยที่เยอรมันอยู่นานทีเดียว

อีกสาเหตุที่พูดถึงด้วยสายตามุ่งมั่น เอกยุทธบอกว่า “บ้านเมืองแช่อยู่อย่างนั้น ไม่ถูก... มันคอนเซอร์เวทีฟมาก อนุรักษนิยมเศรษฐ-กิจก็จะนิ่ง จมอยู่อย่างนั้น”

คนนอกอาจจะสงสัยถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเอกยุทธ อัญชันบุตรกับทหาร ต้องบอกว่า “เอกยุทธเป็นคนที่ชอบสายทหารมาก เขาชอบเดินสายนี้ ไปพบปะใครต่อใคร แม้กระทั่งช่วงหลัง ๆ ที่กลับมาเมืองไทย ถ้าอยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของทหาร อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงแค่ไหน ไม่พอใจอะไรไหม ก็ถามเอกยุทธนี่แหละ”

เอกยุทธ อัญชันบุตร...เหมือนเครื่องวัด ที่สำคัญก็เช็กได้เลยว่าทหารคนไหนที่มีแนวโน้มที่มีลักษณะใจถึง พึ่งได้ ออกมาลุยได้แบบอดีตทหารที่เคยเจอ

“ใครที่มีแนวการเมืองใกล้เคียงกับความคิดก็จะหนุน ความเคลื่อนไหวของหน้ากากขาวในครั้งนี้หลายคนก็มีความเชื่อว่าเอกยุทธให้การสนับสนุน ฟังๆไปก็กลายเป็นว่าเหมือนเป็นการวางงานเหมือนกัน”

เขาชอบแนวนี้ ทำอะไรก็ได้ เอกยุทธ อัญชันบุตร มักพูดเสมอว่า “เขาเป็นสุขนิยม ไม่ได้อยากมีตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีความจำเป็น”

ที่สัมผัสได้คือ เขาชอบพรรคประชาธิปัตย์มาก คาดว่าน่าจะให้การสนับสนุนอยู่เหมือนกันแต่ไม่เปิดเผย รวมถึงมีความตั้งใจที่จะปรับปรุงโครงสร้าง แต่ก็ติดปัญหาไม่เข้าตากรรมการ คนใหญ่ในพรรคไม่ชอบหน้า

“ที่สำคัญเอกยุทธ เป็นคนปากจัด มีทั้งติ ทั้งด่า พูดตรงไปตรงมา...แบบตรงมาก ๆ ก็อาจทำให้หลายคนไม่พอใจ”

ความเป็นจริงเอกยุทธ อัญชันบุตร เป็นนักการเงินที่เก่ง หลังจากปี 2528 ที่หนีคดีแชร์ชาร์เตอร์ออกนอกประเทศ อยู่เยอรมันพักหนึ่ง แล้วก็ไปสวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศ เปลี่ยนชื่อเป็น “จอร์จ ตัน” ที่มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็ไปตั้งบริษัทเกี่ยวกับการค้า ระหว่างประเทศ

ความสำเร็จในธุรกิจต่างประเทศ นำมาซึ่งเงินทองวันนี้น่าจะมีในระดับหลายพันล้านบาท ยิ่งตอกย้ำผู้ชายชื่อ เอกยุทธ อัญชันบุตร ที่มีความเป็นคนสุขนิยม...นอนตื่นสาย ตามใจตัวเอง นึกจะทำอะไรก็ทำ ถึงแม้ว่าไม่อยากมีตำแหน่งทางการเมือง แต่ก็ชอบเคลื่อนไหวทางการเมือง และเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์มาก

เพื่อนรุ่นพี่คนนี้เจอเอกยุทธ สองรอบ...สองวัย วัยหนุ่มกับวัยหลังจากคดีแชร์ชาร์เตอร์หมดอายุความกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือความสุขุมที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นคนใจร้อนเกือบจะทุกเรื่องเหมือนเดิม

“อะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะโกรธเหมือนกัน เช่นที่นั่งที่สวนน้ำตกโฟร์ซีซั่นส์ เสิร์ฟอะไรไม่ค่อยดี ก็จะมีอาการ แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะเอะอะ โวยวาย เหมือนอย่างที่เป็นข่าวในคาราโอเกะ”

วันเวลาผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว เบื้องลึกนักการเงินมากประสบการณ์นอกจากใจถึงเขายังไม่ทิ้งความใจกว้างที่มีต่อเพื่อนพ้องน้องพี่.


จาก สกู้ปหน้า 1 ไทยรัฐ



คลิกอ่าน คำเตือนถึงไอ้หน้าเหลี่ยม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก