วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
กะลาธิปไตย ถ่อยธิปไตย ของเสื้อแดง
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ
อุดมคติของประชาธิปไตยคือ ประชาชนเป็นใหญ่มีสิทธิเสรีภาพ มีความเท่าเทียมเสมอภาพ มีอิสรภาพ และการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น
นักการเมืองและผู้ปกครองในระบอบประชาธิปไตยควรมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ตัวแทนเฉพาะของคนที่เลือกตัวเองมา
ฝ่ายประชาธิปไตยควรจะเปิดใจรับฟังเสียงของคนที่มีความเห็นต่าง และเห็นคุณค่าในเสรีภาพของคนอื่นเหมือนที่ตัวเองหวงแหนเสรีภาพของตัวเอง
ฝ่ายประชาธิปไตยควรจะเคารพกฎเกณฑ์กติกาของบ้านเมือง ไม่ใช่เลือกเคารพเฉพาะที่ตัวเองได้ประโยชน์ อำนาจรัฐที่อยู่ภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยควรมุ่งที่จะใช้กฎเกณฑ์และกฎหมายที่เท่าเทียมกันในสังคมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเขาหรือฝ่ายเรา
แต่ผมแปลกใจมากที่พวกเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเรา ที่เที่ยวไล่ทุบตีฝ่ายที่มีความเห็นต่าง ราวกับว่า ประชาธิปไตยในประเทศนี้เป็นของเสียงข้างมากเท่านั้น ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นแต่เกิดขึ้นตั้งแต่การไล่ทุบตีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหัวร้างข้างแตก ไล่ยิงด้วยเอ็ม 79 ล้มตายตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกๆ แล้ว
พฤติกรรมถ่อยเถื่อนแบบนี้มันเป็นเสรีภาพของฝ่ายประชาธิปไตยด้วยหรือ
ในระบอบประชาธิปไตยนั้นแม้ประชาชนในรัฐควรจะมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่า อำนาจรัฐจะให้สิทธิคนเสื้อแดงเหนือกว่าบุคคลกลุ่มอื่น
คนเสื้อแดงจึงมีอำนาจที่จะทุบตีทำร้ายฝ่ายตรงข้ามได้ โดยที่อำนาจรัฐเปิดทางให้ ให้ท้าย เสียงข้างมากเท่านั้นที่รัฐจะคุ้มครอง แต่เสียงข้างน้อยเป็นพวกแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้จึงสมควรถูกทุบตี
ราวกับว่า รัฐบาลจะปกครองและเป็นตัวแทนของคนที่เลือกพรรครัฐบาลมาเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การพูดเกินเลย เหมือนที่ทักษิณเคยบอกว่าจะดูแลจังหวัดที่เลือกพรรคของตัวเองก่อน หรือที่ปลอดประสพบอกว่า ศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตยังไม่สร้าง ไม่มีอารมณ์จะทำ จนกว่าคนภูเก็ตจะเลือกเพื่อไทย
ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคิดว่า การออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของฝ่ายที่แพ้เลือกตั้งจึงเป็นการเดินออกมาล่อตีนสมควรโดนกระทืบ พวกเสื้อแดงเป็นพวกลิเบอรัลต่อต้านรัฐประหารพวกเขาจึงมีเสรีภาพที่จะกระทืบพวกที่มีความเห็นต่าง นี่เป็นการควบคุมเสรีภาพที่ฝ่ายเสียงข้างน้อยจะต้องยอมรับ ถ้าขัดขืนมากก็จะเปลี่ยนจากก้อนหิน หัวน็อต เป็นระเบิดเอ็ม 79 เพราะเสียงข้างมากประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินยังไงเล่า
เราจึงเห็นพวกที่เรียกตัวว่า เป็นนักประชาธิปไตยออกมาแสดงความกร่างทางการเมือง ใช้ไฟฟ้าโดยไม่ต้องจ่าย ติดธงแดงท้ายรถแท็กซี่แล้วตำรวจไม่กล้าจับถ้าทำผิดกฎหมาย ข่มขู่คุกคามว่าจะใช้อำนาจเถื่อนจัดการฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล สิ่งที่แสดงออกเหล่านี้พวกเขาเรียกว่าประชาธิปไตยของเสียงข้างมากที่เสียงข้างน้อยจะต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ใต้อาณัติอย่างหมอบราบคาบแก้ว
คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าว
อำนาจรัฐยังมีสิทธิที่จะข่มขู่คุกคามไปถึงนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านรัฐบาลจะต้องระวังเหมือนเอกยุทธ อัญชันบุตรที่ถูกอุ้มฆ่า ถ้าออกมาชุมนุมก็อาจจะถูกระเบิดจากมือที่สาม หรือข่มขู่ว่าจะดำเนินการจับกุมคุมขัง
องค์กรอิสระอื่นจะตรวจสอบคัดค้านขัดขวางการทำงานของรัฐบาลเสียงข้างมากไม่ได้ เพราะองค์กรเหล่านั้นมีที่มาจากคนไม่กี่คน ต่างกับรัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ ถ้าไม่เชื่อฟังจะถูกเสียงข้างมากล้มล้างยุบเลิกองค์กร
พวกเสียงข้างน้อยไม่มีสิทธิที่จะออกมาต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะใช้นโยบายที่ผิดพลาดอย่างไร ฉ้อฉลอย่างไร
หากเลือกตั้งแพ้แล้ว ฝ่ายที่แพ้ควรจะต้องเก็บตัวสงบปากสงบคำไม่ควรจะมีสิทธิแสดงออกทางการเมือง และไม่ควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็น พวกเขาบอกว่า ถ้ารับรัฐบาลไม่ได้ก็รอไปเลือกตั้งใหม่นี่คือประชาธิปไตย
หรือไม่ก็มีหนทางเดียวเท่านั้นคือไปตั้งพรรคการเมืองมาแข่งกับพรรคของรัฐบาล
ทั้งที่นักคิดฝ่ายเสรีนิยมเคยบอกว่า เสรีนิยมเป็นแนวความคิดทางการเมืองที่อำนาจรัฐแม้จะเป็นอำนาจของเสียงข้างมากและเป็นอำนาจที่แข็งแกร่งแต่ก็จะจำกัดอำนาจของตนและปล่อยให้คนที่มีความคิด และ ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากตนจะยังมีพื้นที่ที่จะยืนอยู่ได้
พวกต่อต้านรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ คือ พวกเลือกตั้งแล้วแพ้ พวกนี้ต่อต้านนโยบายรถคันแรกและนโยบายจำนำข้าวเพราะอิจฉาคนชั้นล่างที่มีโอกาสมีรถคันแรกเป็นของตัวเอง พวกนี้อิจฉาชาวนาที่จะลืมตาอ้าปากได้ พวกนี้เป็นพวกนิยมเผด็จการอำนาจนิยม พวกนี้ไม่เชื่อในประชาธิปไตยจึงออกมาต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และขัดขวางนโยบายที่รัฐบาลเสียงข้างมากจะทำให้คนจนมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกนี้ขี้อิจฉาเป็นพวกอำมาตย์ที่ต้องการกดหัวคนยากจน
แต่ประชาธิปไตยของฝ่ายครองอำนาจรัฐในปัจจุบันเริ่มต้นด้วยการทุ่มซื้อผู้สมัคร ส.ส. ซื้อพรรคการเมือง ซื้อองค์กรอิสระ จนกลายเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก แล้วใช้นโยบายประชานิยมในการผูกใจประชาชนคนชั้นล่าง แสวงหาประโยชน์จากอำนาจแล้วออกนโยบายแบบมีผลประโยชน์ทับซ้อนเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งให้กับตัวเองและวงศ์วาน
นักวิชาการรายหนึ่งสถาปนาการปกครองในยุคที่ทักษิณเรืองอำนาจว่า ระบอบทักษิณไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่พอทักษิณถูกยึดอำนาจเพราะฉ้อฉล นักวิชาการรายนั้นหันไปสู้เพื่อทักษิณและเรียกฝ่ายทักษิณว่าฝ่ายประชาธิปไตย
วันนี้คนเสื้อแดงผูกขาดความเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะพวกเขาต่อต้านรัฐประหาร เพราะพวกเขาสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้ง การต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่พวกแพ้การเลือกตั้งจะล้มล้างรัฐบาลนี้ได้อย่างเดียวก็คือ เอาชนะในการเลือกตั้งให้ได้ และต้องอดทนต่อการบริหารประเทศที่ล้มเหลว ให้คนโง่ปกครองไปให้ครบ 4 ปี
รัฐบาลเสียงข้างมากที่คนเสื้อแดงสนับสนุนจะทำนโยบายที่ผิดพลาดอย่างไรก็ได้ เพราะพวกเขามาจากการเลือกตั้ง จะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ เพราะพวกเขามาจากการเลือกตั้ง จะเลือกผู้นำโง่มาปกครองตัวเองอย่างไรก็ได้ เพราะพวกเขามาจากการเลือกตั้ง
ระบอบประชาธิปไตยให้สิทธิพรรคที่ชนะเสียงข้างมากจะนำพาประเทศไปทางไหนก็ได้ แม้จะไปสู่หุบเหวของความหายนะ ถ้าใครออกมาต่อต้านพวกนั้นเป็นพวกล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
เท่าที่ผมสดับตรับฟัง ฝ่ายประชาธิปไตยเขากล่าวขานด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยฝ่ายเราว่าเป็นพวกล้าหลัง แต่ประชาธิปไตยของพวกเขามีความหมายดังที่กล่าวมาข้างต้นจริงๆ ครับ
ประชาธิปไตยที่ฝ่ายเสียงข้างน้อยต้องจำนน อย่าร้องแรกแหกกระเชอ ไม่เช่นนั้นจะเป็นพวกแพ้แล้วไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
http://astv.mobi/AWnBRXz
------------------------
สรุปส่งท้ายกับ akecty
เพราะประเทศนี้มีฟายแดงโง่ ๆ เต็มประเทศเป็นเสียงส่วนใหญ่ เลยได้นายกรัฐมนตรีโง่ ๆ มาบริหารบ้านเมือง
โถ ๆ ประชาธิปควายแดง = สถุลธิปไตย = กากธิปไตย
คลิกอ่าน มองวิกฤติยุโรป แล้วย้อนมองไทย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก