วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทความมติชนก็ยังไม่เชื่อเรื่องขายข้าวจีทูจีของรัฐบาล







ก่อนจะไปเรื่องบทความในมติชน ผมขออธิบายเรื่องขายข้าวแบบจีทูจีสักเล็กน้อย

คือการขายแบบรัฐต่อรัฐนั้น โดยปกติถ้าไม่จำเป็นเขาไม่ค่อยทำกันมากหรอกครับ เพราะมันจะทำลายกลไกตลาด เนื่องจากการขายแบบจีทูจี มักจะเป็นการขายแบบราคามิตรภาพ คือต่ำกว่าราคาตลาด มักจะเป็นการขายแบบช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากกว่า

เช่น ถ้าไทยอยากได้อาวุธจากรัสเซีย แต่รัสเซียไม่มีเงิน ก็มาแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน เช่นไทยขายข้าว รัสเซียขายอาวุธ แลกกันไป

หรือในประเทศที่ยากจนในอาฟริกา  เพราะด้วยความเห็นใจกัน ไทยจึงขายข้าวแบบจีทูจีเพื่อมนุษยธรรม ก็จะขายต่ำกว่าราคาตลาดบ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไป ไม่งั้นทุกๆ ประเทศก็จะแห่มาขอซื้อแบบจีทูจีหมด จะทำให้กลไกตลาดเสรีของเอกชนเสียหาย ซึ่งอาจไม่ต้องเปิดเผยราคาก็ได้ แต่ต้องมีจำนวนตัวเลขที่แน่นอนว่า ขายข้าวไปจำนวนมากเท่าไหร่ และขายให้ใคร

และต้องมีสัญญาซื้อขายที่ชัดเจน ข้อมูลรายชื่อประเทศผู้ซื้อต้องเปิดเผยได้ เพื่อป้องกันการทุจริต

ประเทศไทยมีการขายแบบรัฐต่อรัฐมาตลอด และสามารถเปิดเผยตัวเลขได้ว่าขายไปกี่ตัน ขายให้แก่ประเทศอะไรไป

ไม่เหมือนรัฐบาลยิ่งโง่ ยิ่งชั่ว ที่ปกปิดทุกอย่าง แถมยังโกหกด้านๆ ว่า ขายให้ประเทศนั้นประเทศนี้ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีการขนถ่ายข้าวไปที่ท่าเรือแต่อย่างใด

ตัวอย่างเช่น ตัวเลขการส่งออกข้าวเมื่อสมัยยุคปชป. ในปี54 เป็นตัวเลขส่งออกข้าวสูงเป็นประวัติศาสตร์ ของการส่งออกข้าว ตามรูปนี้

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



ให้สังเกตว่าในปี54  รัฐบาลปชป. ขายข้าวแบบจีทูจีไปแค่ 2 แสนกว่าตันเท่านั้น ในขณะที่ผู้ส่งออกเอกชนขายไปเกือบ 9 ล้านตัน

แต่ในตัวเลขในปี55 สิ้นสุดที่งบประมาณ กันยายน55 กลับไม่มีตัวเลขของรัฐบาลยิ่งโง่ ส่งออกข้าวเลยแม้แต่เม็ดเดียว นี่ข้อมูลจากกรมการค้าภายในเองนะครับ

ข้าวนะครับ ไม่ใช่ของเถื่อน ที่จะต้องปกปิดตัวเลข!!

ทีนี้มาดูบทวิคราะห์จากบทความมติชน สื่อที่เอียงแดงกันบ้างครับ

--------------------

จี ทู จี หรือ เจี๊ยะทูเจี๊ยะ ???

คอลัมน์ เดินหน้าชน โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม


น็อกรอบแล้วสำหรับโครงการจำนำข้าวเปลือก ที่เริ่มโครงการใหม่เมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งที่โครงการเก่ายังมีปัญหาคาราคาซังมากมาย

หนึ่งคือเรื่องเงิน เดิมที่กระทรวงพาณิชย์จะขอ 4.05 แสนล้านบาท ใช้รับจำนำข้าวรอบใหม่ แต่ ครม.อนุมัติให้รับจำนำเฉพาะข้าวนาปีก่อน 2.4 แสนล้านบาท เป็นเงินกู้ ธ.ก.ส. 1.5 แสนล้านบาท ที่เหลือจะเป็นเงินจากการขายข้าว ที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่าขายได้แล้ว 8.38 ล้านตัน คาดว่าปลายปีนี้จะได้เงิน 8.5 หมื่นล้านบาท และไตรมาสแรกปี 2556 อีก 4 หมื่นล้านบาท

แต่ก็มีคำถามว่า ถ้าขายได้จริงแล้วเหตุไฉนโกดังกลางยังมีข้าวกองเต็มเป็นภูเขา??

อีกปัญหาคือ โรงสีหลายแห่งมีข้าวสารค้างส่งมอบจำนวนมาก เพราะโกดังกลางมีข้าวเต็มโกดัง เนื่องจากระบายข้าวไม่ออก และโรงสีจะกระอัก เพราะถ้าข้าวยังไม่ส่งมอบโกดังกลาง ก็ไม่สามารถขอคืนแบงก์การันตี เพื่อที่มีวงเงินมาจะรับจำนำข้าวรอบใหม่ได้

จึงต้องลุ้นกันว่า รัฐจะระบายข้าวในสต๊อกเก่าได้ทันที่จะมีเงินมาหมุนเวียนใช้รับจำนำรอบใหม่ และทันเพื่อจะมีโกดังเก็บข้าวฤดูใหม่หรือไม่

ที่น่าสนใจคือ "บุญทรง" ระบุว่าขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้แล้ว 6 สัญญา รวม 7.328 ล้านตัน

มากเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งสำหรับการขายจีทูจี ของไทย หลังเป็นประวัติศาสตร์ที่รัฐเก็บสต๊อกมากถึงกว่า 10 ล้านตัน และเป็นประวัติศาสตร์ที่ไทยเสียแชมป์การส่งออกข้าว !?!

แต่ทว่าเป็นการขายข้าวจีทูจีจริงหรือ??!

พิรุธข้าวจีทูจี 1 ล้านตันที่ล่องหน หลังให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ปล่อยข้าวในสต๊อก แต่ไม่มีการโชว์ตัวเลขการส่งออกว่าไปไหน??!!

"บุญทรง" ชี้แจงว่า "เมื่อเราเจรจาเสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของประเทศผู้ซื้อว่าจะว่าจ้างบริษัทใดเข้ามาปรับปรุงข้าวและส่งออกไปประเทศปลายทางผู้ซื้อ เมื่อออกแล้วก็จะมีเอกสารยืนยันส่งออก"

ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จีทูจี เป็นการขายหน้าโกดัง แล้ว

ผู้ซื้อเป็นคนจ้างบริษัทมาปรับปรุงข้าวและส่งออก

ดังนั้น มันไม่น่าจะใช่จีทูจี ที่ซื้อขายรัฐต่อรัฐ แต่เป็นการขายผ่านนายหน้า ที่แบ่งเค้กกันเรียบร้อยแล้ว

โดยนายหน้าจะร่วมมือกับบริษัทในเครือข่าย ที่อ้างว่าเป็นรัฐวิสาหกิจประเทศต่างๆ โดยที่ทางการประเทศนั้นไม่รู้เรื่อง

เมื่อบริษัทเหล่านี้มารับมอบข้าวก็ขายในไทย บางส่วนก็ขายให้ผู้ส่งออกที่มีออเดอร์แต่ไม่มีข้าวในมือ (ซื้อถูกกว่าที่จะไปประมูลซื้อจากรัฐ) และบางส่วนอาจไปขายประเทศอื่น ที่เป็นลูกค้าเดิมของไทยนี่แหละ

ที่เป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริงๆ ก็มี ซึ่งมีการตกลงกันภายในว่าจีนจะช่วยรับซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตัน แลกกับการให้บริษัทของจีนได้ร่วมโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

ส่วนนายหน้าที่ได้รับแบ่งเค้ก (ข้าว) ไปเร่ขายนั้น เป็นกลุ่มเดิม ทั้งบริษัท ส. ที่เคยเป็นไม้เป็นมือมาก่อน แต่คราวนี้ล็อตใหญ่ทำคนเดียวไม่ไหว ต้องดึงอีก 3-4 รายมาร่วม เช่น บริษัท เอ. บริษัท เจ. และบริษัท ที.

ที่น่าสนใจคือ คำพูดของ "บุญทรง" ที่ว่า "การระบายจีทูจีในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ทำแบบเดียวกัน"

ใช่ เป็นวิธีการเดียวกัน ที่สำคัญนายหน้ากลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยร่วมมือบริษัทที่อ้างว่าเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนมาซื้อข้าวสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์

เป็นกลุ่มนักการเมืองที่เคยทำงานในกระทรวงพาณิชย์สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว

เหตุผลง่ายๆ ที่ต้องอ้างว่าเป็นการขายจีทูจี ก็เพื่อจะอ้างได้ว่าขายราคาถูกในราคามิตรภาพ

ที่สำคัญคือจีทูจี มันซิกแซ็กได้ ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่า เป็นความลับของประเทศผู้ซื้อ

ส่วนต่างราคาที่ขายถูกแบบจีทูจี ถูกจัดสรรแบ่งปันกันไปแต่ละส่วน นักการเมืองได้ไป 20-30 เหรียญ/ตัน ส่วนนายหน้าและบริษัทที่อ้างเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศนั้นๆ จะได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ว่าไปปล่อยขายได้ราคาเท่าไร

ที่ว่าขายแบบ "จีทูจี" นั้นน่าจะเป็น "เจี๊ยะทูเจี๊ยะ" มากกว่า

มติชนออนไลน์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก