กลุ่มมุสลิมสุหนี่หัวรุนแรง ISIS ออกประกาศให้คนในเขตยึดครองของตนเองต้องเปลี่ยนศาสนา ไม่งั้นต้องอพยพออกไป หรือไม่ก็ต้องตาย และ 1 ในเป้าหมายที่จะถูกกลุ่ม ISIS ล้างเผ่าพันธุ์ ก็คือ ชาวยาซิดิ
ก่อนอื่นดูคลิปข่าวสั้นก่อนครับ
ต่อมา ISIS ก็ได้สังหารหมู่ชาวยาซิดี จริง ๆ ตามข่าวนี้
คลิกที่รูปเพื่อขยาย
ชนเผ่ายาซีดิ เป็นใคร ทำไมไอเอส ต้องกวาดล้างแบบสิ้นซาก
ยาซีดิส (Yazidis/Yezidis) เป็นกลุ่มที่มีความเชื่อทางศาสนาเก่าแก่ราว 4,000 ปีในยุคก่อนอิสลาม รากเง้าความเชื่อมาจากศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาเทวนิยมในอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ ต่อมาผสมผสานพิธีกรรมบางอย่างจากศาสนาคริสต์ อิสลามและยูดาย เช่น พิธีล้างบาปของคริสต์ การขริบอวัยวะเพศของอิสลาม การบูชาไฟจากโซโรอัสเตอร์ ลักษณะความเชื่อที่พัฒนามาจากศาสนาอื่นทำให้ยาซีดิส มักถูกเอ่ยว่าเป็นลัทธิหรือนิกายหนึ่งมากกว่าศาสนา
ความเชื่อหลายเรื่องเป็นความลับ ด้วยการที่ไม่อนุญาตให้คนนอกหันมานับถือ และสาวกก็ไม่แลกเปลี่ยนความเชื่อของตนกับคนนอก
บางครั้ง ยาซีดิส ถูกจัดเป็นพวกเคิร์ดนอกรีต ซึ่งหมายความว่าเป็นชาติพันธุ์เคิร์ด แต่เป็นพวกนอกกระแสหลักทางวัฒนธรรม และความเป็นชาวอิรักที่ไม่ใช่อาหรับและไม่ใช่มุสลิม จึงเป็นชนกลุ่มน้อยเสี่ยงที่สุดกลุ่มหนึ่งในการถูกกีดกันและกวาดล้าง
ขนาดของประชากรยาซีดิสทั่วโลกไม่ทราบแน่ชัด ส่วนมากประเมินว่าน่าจะอยู่ราวๆ 6 แสนคน ส่วนมากประกอบอาชีพเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ อาศัยในพื้นที่ทางเหนือของอิรัก อิหร่าน ซีเรีย และตุรกี ในแถบเทือกเขาคอเคซัสอย่างจอร์เจียและอาร์เมเนีย ก็มีเช่นกันแต่ไม่มากนัก แต่ราวครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ทางเหนือของอิรัก และเมืองซินจาร์เป็นเมืองหลัก
ชาวยาซีดิสจำนวนมากอพยพไปยังยุโรป ที่ซึ่งความเชื่อของพวกเขาเคยเป็นข่าวพาดหัวในทางลบ อาทิ การฆ่าเพื่อรักษาเกียรติ (honor killing) สตรีคนหนึ่งที่ออกเดทกับชายชาวเยอรมัน เนื่องจากตามขนบประเพณี ยาซีดิสไม่อนุญาตให้แต่งงานกับคนนอก
เยอรมนีมีชาวยาซีดิสมากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรปราว 4 หมื่นคน
ความเชื่อ
ชาวยาซีดิส เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวและบูชาเทพ 7 องค์ แต่องค์ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคือ เมเล็ก ทาอุส (Melek Taus) หรือเทพนกยูง
ในทัศนะของคริสต์และยูดาย เทพนกยูง เป็นเทพตกสวรรค์หรือเป็นซาตาน แต่ชาวยาซีดิเชื่อว่า เทพนกยูงได้รับการอภัยหลังถูกทดสอบจากพระเจ้าและได้กลับสู่สวรรค์ พวกเขาบูชาเทพนกยูง เป็นเทพแห่งเทพของพระเจ้า
ความสำคัญของเทพนกยูงนี้เอง กลายเป็นที่มาของฉลากแปะชาวยาซีดิว่า เป็นพวกบูชาปีศาจ
ชาวยาซีดิสบูชาพระเจ้าวันละสามครั้ง โดยหันหน้าไปทางตำแหน่งพระอาทิตย์เสมอ
ส่วนโครงสร้างสังคมของชนกลุ่มนี้เป็นแบบชั้นวรรณะ แยกระหว่างนักบวชกับฆราวาส มีความเชื่อและหลักปฏิบัติแบบเฉพาะ อาทิ ไม่สวมชุดสีฟ้า และห้ามกินดอกกะหล่ำ แต่ก็เช่นเดียวกับความเชื่อหลายอย่างที่ยังไม่ชัดว่า ข้อห้ามเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติตามสม่ำเสมอหรือไม่
ในศตวรรษที่ 12 มีบุคคลชื่อว่า อาบิ อิบน์ มูซาฟีร์ เป็นผู้นำกอบกู้ยาซีดิส และคาดกันว่าเป็นผู้ก่อร่างรูปแบบความเชื่อที่ยืนยาวมาถึงทุกวันนี้ สุสานของเขาในเมืองลาลิช ทางเหนืออิรัก กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และชาวยาซีดิสจำนวนมากที่หลบหนีจากซินจาร์ก็ไปหลบภัยที่นั่น
การถูกมองว่าเป็นพวกบูชาปีศาจ นำไปสู่การเข่นฆ่าตลอดหลายศตวรรษ ในยุคจักรวรรดิออตโตมัน ศตวรรษที่ 18-19 ชาวยาซีดิสตกเป็นเป้าสังหารหมู่ในระดับฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 72 ครั้ง และในสมัยประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ก็มีการทำลายหมู่บ้านจำนวนมากระหว่างสู้รับกับทหารเคิร์ด
หลายปีที่ผ่านมา มีแรงกดดันให้ชาวยาซีดิส เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเพิ่มมากขึ้น
กลุ่มอัล-ไกดาในอิรัก ก่อนเปลี่ยนมาเป็นไอซิสและไอเอสในปัจจุบัน ก็เคยออกคำขู่เมื่อปี 2550 ให้สังหารยาซิดีทิ้งทั้งหมด เพราะถือเป็นพวกนอกรีต ทำให้ชาวยาซิดีหนีออกจากอิรักราว 7 หมื่นคน
ในปีเดียวกันนั้น เกิดเหตุโจมตีทำลายหมู่บ้านยาซีดิส 2 แห่งด้วยรถบรรทุกระเบิด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน เป็นเหตุโจมตีที่คร่าชีวิตคนมากที่สุดนับจากสหรัฐนำทัพบุกอิรักในปี 2543 ต่อมา ยังเกิดเหตุกลุ่มมือปืนหยุดรถบัส สั่งผู้โดยสารชาวคริสต์ลงจากรถ ก่อนสังหารชาวยาซิดีที่เหลือ 23 คน เพื่อล้างแค้นที่มีสตรียาซิดีคนหนึ่งถูกสังหารฐานเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม
ขอบคุณที่มาข่าวจาก ไทยพีบีเอส แนวหน้า และคมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งเปิดรับการแสดงความคิดเห็นครับ ทุกความเห็นคือกำลังใจ
แล้วอย่าลืมแวะไปที่บล้อคมุมมอง-ใหม่เมืองเอกนะครับ ขอบคุณ/ใหม่ เมืองเอก